เอเอฟพี - เกาหลีเหนือนำตัวพ่อแม่ของบริกรสาวรายหนึ่งที่หลบหนีจากภัตตาคารโสมแดงในจีนเข้าไปยังเกาหลีใต้ มาอัดคลิปวิงวอนขอตัวลูกสาวคืนจากโซล เพื่อยืนยันว่าพลเมืองของตนถูกสายลับเกาหลีใต้ “ลักพาตัว” ไปจริงๆ
เว็บไซต์ชวนเชื่อของเกาหลีเหนือ Uriminzokkiri ได้เผยแพร่คำวิงวอนจากพ่อแม่ของ น.ส. โซ กยอง-อา ซึ่งอยู่ในกลุ่มชาวเกาหลีเหนือ 13 คนที่หลบหนีออกจากภัตตาคารโสมแดงในจีนเข้าไปขอลี้ภัยในเกาหลีใต้
คณะผู้ลี้ภัยโสมแดงซึ่งประกอบด้วยผู้จัดการร้านซึ่งเป็นชาย และพนักงานหญิงอีก 12 คน เดินทางผ่านประเทศที่สามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไปยังเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 7 เม.ย. โดยทั้งหมดเคยทำงานอยู่ที่ภัตตาคารโสมแดงในเมืองท่าหนิงปัว (Ningbo) ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
เปียงยางอ้างว่า ผู้จัดการรายนี้ล่อลวงหญิงสาวทั้งหมดให้หลบหนี โดยหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ก็รู้เห็นเป็นใจกับการลักพาตัวพลเมืองโสมแดงด้วย แต่ทางการโซลยืนยันว่า ชาวเกาหลีเหนือกลุ่มนี้เข้ามาขอลี้ภัยโดยสมัครใจ
โซ แด-ซอง บิดาของ โซ กยอง-อา ได้กล่าวหาประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ “และพรรคพวกของเธอ” ว่าเป็นผู้วางแผน “ล่อลวงและลักพาตัว” บุตรสาวของตน
“กยอง-อา ลูกจงต่อสู้ขัดขืนให้เต็มที่ จนกว่าจะได้กลับมาสู่อ้อมอกท่านนายพลของเราอีกครั้ง” โซ กล่าว โดยอ้างไปถึงผู้นำ คิม จอง อึน
ด้านมารดาของหญิงสาวก็ร้องห่มร้องไห้ และต่อว่า พัค ว่าเป็น “ซาตาน”
คลิปวีดีโอนี้ถูกตั้งชื่อว่า “บทสัมภาษณ์ครอบครัวของหญิงสาวที่ถูกลักพาตัว (1)” ซึ่งหมายความว่า ทางการโสมแดงอาจนำตัวผู้ปกครองหญิงสาวคนอื่นๆ มาอัดคลิปเผยแพร่ในโอกาสต่อไปด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เปียงยางเสนอที่จะส่งตัวพ่อแม่ทุกคนไปพบลูกสาวที่กรุงโซล เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเธอขอลี้ภัยด้วยความเต็มใจจริงหรือไม่ แต่รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข้อเสนอนี้
จนถึงปัจจุบันนี้ มีพลเมืองโสมแดงหลบหนีความยากจนและการกดขี่ของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ข้ามมาตั้งหลักปักฐานในเกาหลีใต้แล้วเกือบ 30,000 คน ทว่าการลี้ภัยเป็นกลุ่มใหญ่ๆ โดยเฉพาะในหมู่พนักงานที่ทำงานอยู่ตามร้านอาหารเกาหลีเหนือในต่างประเทศนั้น นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง
พนักงานเหล่านี้จะถูกคัดเลือกจากครอบครัวที่รัฐบาลเกาหลีเหนือพิจารณาแล้วว่า “จงรักภักดี” ต่อระบอบคิม และจะต้องผ่านการฝึกฝนค่านิยมอย่างเข้มข้น ก่อนออกไปทำงานในต่างแดน
ผู้ที่พยายามหลบหนีและถูกจับได้จะต้องเผชิญบทลงโทษแสนสาหัส ส่วนพวกที่หนีไปได้สำเร็จก็อาจนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวของตน