เอเอฟพี - เบอร์นี แซนเดอร์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ศึกหยั่งเสียงส่วนใหญ่ที่เขาแพ้ให้แก่ ฮิลลารี คลินตัน เป็นเพราะว่า “คนจนไม่ออกมาใช้เสียง” ในส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่ถูกเผยแพร่ในวันเสาร์ (23)
แซนเดอร์ มุ่งเน้นการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปที่การต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมทางรายได้ แต่เขากลับแพ้ให้แก่ คลินตัน ใน 16 จาก 17 รัฐที่มีช่องว่างของรายได้ห่างกันมากที่สุด
เมื่อถูกถามในการให้สัมภาณ์กับรายการ “Meet the Press” ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้ขนาดนี้ เขาตอบว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าคนจนไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ”
“ผมหมายความว่า นั่นคือความจริง นั่นเป็นความจริงที่น่าเศร้าของสังคมอเมริกัน” แต่แซนเดอร์ ยืนกรานว่า “เราต้องเปลี่ยนแปลง” แนวโน้มนั้น
ส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ในวันเสาร์ (23) หนึ่งวันก่อนหน้าที่มันจะถูกนำออกอากาศ
แซนเดอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า เขาประสบความสำเร็จในการดึงคะแนนเสียงจากวัยรุ่นในต่างประเทศ แต่ยากลำบากกว่ามากในการที่จะทำให้ข้อความของเขาส่งไปทั่วถึงผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า
เขาอ้างว่า “80 เปอร์เซ็นต์ของคนจนไม่ได้ออกมาใช้เสียง” ในการเลือกตั้งปี 2014
ข้อมูลสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พบว่า มีเพียง 24.5 เปอร์เซ็นต์ของพลเมืองสหรัฐฯ ที่อายุ 18 ขึ้นไป และที่หาเงินได้น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์ต่อปีเท่านั้นที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นั่นหมายความว่า มีประมาณ 75.5 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้ออกไป
“เราเป็นหนึ่งในประเทศใหญ่บนโลกที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด” แซนเดอร์ แสดงความเห็น
การศึกษาของพิวเมื่อปีที่แล้ว พบว่า สหรัฐฯ มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่แม้ว่าจะยังนำหน้าญี่ปุ่น ชิลี สวิตเซอร์แลนด์ อยู่ก็ตาม
“หากเราสามารถเพิ่มจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิได้อย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้คนรายได้ต่ำ และคนทำงาน และคนหนุ่มสาวมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง หากเราทำให้คนออกมาใช้สิทธิได้ 75 เปอร์เซ็นต์ ประเทศนี้จะได้เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ” แซนเดอร์ กล่าว
