รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - ระหว่างการประชุมสมัชชาของพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่กำลังจะถึง เพื่อรับรองการขึ้นครองอำนาจอย่างเป็นทางการของคิม จองอึน เป็นที่คาดหมายกันว่าผู้นำหนุ่มผู้นี้จะใช้โอกาสนี้ ประกาศนโยบายปกครองอันถือเป็น “ซิกเนเจอร์” ของเขา ได้แก่ การผลักดันเดินหน้าควบคู่กันไปทั้งเรื่องความห้าวหาญทางด้านนิวเคลียร์ และทั้งเรื่องการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ถึงแม้แดนโสมแดงกำลังเผชิญบทลงโทษคว่ำบาตรอย่างรุนแรงจากสหประชาชาติอยู่ก็ตาม
สื่อของทางการเปียงยางเวลานี้ พากันนำเสนอทั้งรายงานข่าวและบทวิจารณ์แทบไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อยกย่องเชิดชู “เส้นทางอันศักดิ์สิทธิ์” ไปสู่วันเวลาที่การขึ้นเป็นผู้นำของคิม จองอึน จะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ณ “การประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคทั่วประเทศครั้งที่ 7 อันทรงชัยและรุ่งโรจน์”
โดยที่ขณะนี้ถือได้ว่ามาถึงค่อนทางของสิ่งที่สื่อทางการโสมแดงบรรยายว่าเป็น ช่วงเวลา 70 วันแห่ง “การแล่นฉิวสู่ชัยชนะอันรุ่งโรจน์” ซึ่งหมายถึงการรณรงค์เรียกร้องให้เมืองหลวงเปียงยางเร่งรัดเพิ่มพูนผลิตภาพและการประดับตกแต่งบ้านเมือง เพื่อเป็นการเตรียมการต้อนรับบรรดาผู้แทนของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “พรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี” จากทั่วประเทศที่จะเข้ามาร่วมการประชุมสมัชชา
ภาพถ่ายพวกโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เห็นมา มีข้อความเรียกร้องชาวเมืองหลวงว่า “สหาย, วันนี้คุณได้ทำตามแผนสู้รบ 70 วันของคุณแล้วหรือยัง?”
ไฮไลต์ของการประชุมสมัชชาครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลา 36 ปี น่าจะเป็นการรับรองนโยบาย “บยองจิน” (Byongjin) ที่เป็นนโยบายที่เปรียบประดุจ “ลายเซ็น” ของคิมหนุ่มทีเดียว โช มิน ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผู้นำเกาหลีเหนือและเป็นอดีตรองประธานสถาบันเพื่อการรวมชาติของเกาหลีใต้ กล่าวคาดการณ์
บยองจิน แปลว่า “การผลักดันให้เดินหน้าไปพร้อมกัน” ซึ่งในกรณีเกาหลีเหนือปัจจุบันแล้ว หมายถึงการผลักดันเดินหน้าการพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเพิ่มพูนสมรรถนะด้านอาวุธนิวเคลียร์ นโยบายนี้ดำเนินต่อเนื่องมาจาก นโยบาย “ซองกุน” (Songun) หรือ ”การทหารมาก่อน” ของคิม จองอิล บิดาของคิม จองอึน และนโยบาย “จูเช” (Juche) ที่เป็นการผสมผสานระหว่างลัทธิมาร์กซ์กับลัทธิชาตินิยมสุดขั้วของคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือซึ่งเป็นปู่ของผู้นำคิมหนุ่ม
โช ชี้ว่า คิม จองอึนไม่ได้ต้องการยุติโครงการนิวเคลียร์ และการประชุมสมัชชาพรรคถือเป็นเวทีที่จะสร้างผลกระทบกว้างไกลที่สุดในการประกาศเจตนารมณ์นี้ต่อโลก ดังนั้นเขาจึงคาดหมายว่า โสมแดงอาจจะทดลอง “อาวุธนิวเคลียร์” อีกครั้งหน่ง ในช่วงใกล้ๆ จะถึงการประชุมคราวนี้
เกาหลีเหนือเพิ่งทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ของตนเมื่อวันที่ 6 มกราคม ซึ่งส่งผลให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติในต้นเดือนมีนาคม ให้ใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมมากต่อเปียงยาง และที่ถือว่าสำคัญมากก็คือ มาตรการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากจีน พันธมิตรหนึ่งเดียวในเวลานี้ของโสมแดง
นับแต่ คิม จองอึน ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดเมื่อปลายปี 2011 หลังอสัญกรรมของคิมผู้บิดา การครองอำนาจของเขาเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการกำจัดกวาดล้างคนวงในใกล้ตัว ซึ่งรวมถึงการประหารจาง ซองเต็ก ที่มีศักดิ์เป็นอาเขยผู้ทรงอิทธิพลของเขา ตลอดจนการเปลี่ยนตัวผู้บังคับบัญชาการด้านกลาโหมถึง 5 ครั้ง
ไมเคิล แมดเดน ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผู้นำเกาหลีเหนือ ชี้ว่า คิมหนุ่มได้พยายามทดลองทำอย่างอื่นมาแล้วหลายอย่าง เช่น การเรียกประชุมกรมการเมืองพรรค, การปลด, การลดตำแหน่ง ฯลฯ แต่ยังไม่ได้ผลอย่างที่เขาต้องการ ดังนั้นจึงต้องหันมาใช้วิธีจัดประชุมสมัชชาพรรค ซึ่งตามวัฒนธรรมการเมืองของโสมแดงแล้ว ถือเป็นวิธีทรงประสิทธิภาพที่สุดในการปรับปรุงยกเครื่องสิ่งต่างๆ กันใหม่
ทางด้านเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้บอกว่า เชื่อว่าเวลานี้เกาหลีเหนือน่าจะอยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้แทนจำนวนรวมกว่า 3,000 คน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาพรรค ซึ่งมีอำนาจที่จะการทบทวนแก้ไขธรรมนูญของพรรค และรับรองกฎระเบียบใหม่สำหรับองค์กรนำสูงสุดของพรรค
กระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งประมาณ 20 วันก่อนเปิดการประชุมสมัชชา ซึ่งคาดหมายกันว่าจะมีขึ้นตอนต้นเดือนพฤษภาคม ขณะเดียวกันนั้นก็จะมีการจัดทำวาระการประชุมไปพร้อมกัน เจ้าหน้าที่โสมขาวเหล่านี้คาดการณ์โดยอิงการประชุมสมัชชาพรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี 2 ครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ คือในปี 1970 และ 1980
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ที่ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่งสำทับว่า ขั้นตอนการเตรียมการไม่ใช่งานง่ายๆ ตัวอย่างเช่น ภาระหน้าที่ในการจัดหาที่พักสำหรับผู้แทน 3,000 คน
ขณะที่แหล่งข่าวตะวันตกในเปียงยางคนหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ประชาชนในเมืองหลวงโสมแดงต่างเหน็ดเหนื่อยตรากตรำจากการถูกเรียกเข้าร่วมการปลุกระดมมวลชนทั้งก่อนรุ่งสางและหลังเลิกงาน รวมทั้งระหว่างชั่วโมงการทำงานปกติ เพื่อเตรียมการสำหรับงานประชุมนี้
ในการประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่แล้วเมื่อ 36 ก่อน มีการเผยโฉมพวกเจ้าหน้าที่ที่จะเป็นแขนขารุ่นใหม่ของพรรค รวมทั้งยังมีการยกเครื่องกลไกในพรรคเพื่อเป็นการเตรียมการสำหรับการขึ้นสู่อำนาจของคิม จองอิล ถึงแม้กว่าที่เขาจะก้าวขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องเป็นอีก 14 ปีต่อมาเมื่อบิดาของเขาถึงแก่อสัญกรรม
อย่างไรก็ดี เชื่อกันว่าทันที่ที่ขึ้นครองอำนาจ คิม จองอิลกลับล้มเลิกระบบการบริหารจัดการอย่างเป็นทางการภายในพรรคไปทั้งหมด และละเมิดกฎบัตรของพรรคอย่างโต้งๆ
แต่สำหรับ คิม จองอึน ที่เชื่อกันว่าเวลานี้มีอายุ 33 ปี เขาน่าที่ดำเนินขั้นตอนต่างๆ ต่อไปเพื่อฟื้นฟูพรรคให้กลับกลายเป็นศูนย์กลางของการบริหาร รวมทั้งอาจจะประกาศมาตรการที่เป็นการยกเลิกอุปสรรคขัดขวางพัฒนาการทางเศรษฐกิจ
เชือง เซืองชาง นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบันเซจอง มองว่า ดูเหมือนคิม “หมกมุ่น” กับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากเชื่อว่าคุ้มค่า เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธธรรมดาอื่นๆ ทำให้สามารถจัดสรรทรัพยากรที่ประหยัดได้ไปสนับสนุนอุตสาหกรรมเบาต่างๆ
เชืองตั้งข้อสังเกตทิ้งท้ายว่า ภายใต้ยุคของคิม จองอึน มีการปรับปรุงในแง่เศรษฐกิจหลายอย่าง เช่น มีจักรยานให้เห็นบนท้องถนนมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีปลาและเรือนกระจกสำหรับปลูกผักผลไม้เพิ่มขึ้นด้วย