เอเอฟพี - เคอิโกะ ฟูจิโมริ บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดี อัลแบร์โต ฟูจิโมริ แห่งเปรูซึ่งถูกตัดสินจำคุกฐานบงการสังหารหมู่ ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอาทิตย์(10 เม.ย.) ด้วยคะแนนเสียงไม่เด็ดขาด ทำให้จำเป็นต้องมีการหยั่งเสียงประชาชนรอบที่ 2 ซึ่งอาจทำให้เธอได้ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเปรู
ฟูจิโมริ ได้รับคะแนนโหวตสูงที่สุด นำอดีตนายกรัฐมนตรีขวาจัด เปโดร ปาโบล คักซินสกี คู่แข่งอันดับรองเป็นตัวเลขถึง 2 หลัก แต่เนื่องจากเธอได้คะแนนไม่ถึง 50% จึงจำเป็นที่จะต้องจัดการเลือกตั้งรอบ 2 เพื่อชี้ขาดในวันที่ 5 มิ.ย. นี้
ผลสำรวจโดยอิปซอส, ซีพีไอ และจีเอฟเค ระบุว่า ฟูจิโมริ วัย 40 ปี สามารถฟันฝ่าความพยายามของฝ่ายตรงข้ามที่จะกันเธอออกจากศึกเลือกตั้ง รวมถึงประวัติการฉ้อโกงและละเมิดสิทธิมนุษยชนที่บิดาเคยก่อไว้ จนกลายมาเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีที่มีคะแนนนิยมสูงที่สุดในเวลานี้
ทั้ง ฟูจิโมริ และคักซินสกี ต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในเปรู ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกแร่ธาตุในละตินอเมริกาที่มีประชากรราว 30 ล้านคน
ฟูจิโมริ ออกมาประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน หลังทราบผลสำรวจอย่างไม่เป็นทางการว่าเธอมีคะแนนโหวตนำมาเป็นที่ 1
“ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง นี่คือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่เราจะขอน้อมรับด้วยความเต็มใจ” เธอกล่าว
“เปรูต้องการความสมานฉันท์ปรองดอง เราไม่ต้องการความขัดแย้งอีกต่อไป... และขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันออกมาใช้สิทธิ์ของท่านในวันที่ 5 มิ.ย. เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของเปรู”
ผลเอ็กซิตโพลระบุว่า ฟูจิโมริ ได้คะแนนโหวตราว 38% จากการนับคะแนนที่ผ่านไปแล้ว 1 ใน 5 ส่วน คักซินสกี มีคะแนนอยู่ที่ 24.5%
ผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า กระบวนการเลือกตั้งของเปรูในครั้งนี้ไม่เป็นธรรมเท่าที่ควร เนื่องจากมีผู้สมัครหลายรายถอนตัว หรือไม่ก็ถูกปิดกั้นไม่ให้ลงสมัคร ด้วยเงื่อนไขที่เข้มงวดของกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่
ก่อนหน้านี้ ฟูจิโมริ และผู้สมัครตัวเต็งอีกอีกหลายคนถูกกล่าวหาว่าใช้ “ของขวัญ” ซื้อเสียงประชาชน แต่เธอและ คักซินสกี ก็สามารถแก้ต่างจนพ้นข้อหามาได้ ส่วนผู้สมัครอีก 9 รายถูกตัดสิทธิ์การลงสมัครเนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือไม่ก็ถอนตัวออกไปเองเนื่องจากคะแนนนิยมไม่เพียงพอ
ลูอิส อัลมาโกร เลขาธิการใหญ่องค์การรัฐอเมริกัน (Organization of American States) เคยกล่าวเตือนว่า การปฏิรูปการเลือกตั้งในเปรูเมื่อเดือน ม.ค. ซึ่งเปิดทางให้มีการคัดผู้สมัครออก เสี่ยงจะทำให้การเลือกตั้งกลายเป็นแบบ “กึ่งประชาธิปไตย” (semi-democratic election)
ช่วงปี 1990-2000 ที่รัฐบาล อัลแบร์โต ฟูจิโมริ ปกครองประเทศ ถือเป็น “ทศวรรษแห่งความมืดมน” ที่ยังอยู่ในความทรงจำของชาวเปรูส่วนใหญ่
อดีตประธานาธิบดีฟูจิโมริ ซึ่งเวลานี้อายุ 77 ปี ต้องโทษจำคุก 25 ปีฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยศาลเปรูตัดสินเมื่อปี 2009 ว่า ฟูจิโมริ มีความผิดฐานส่งหน่วยล่าสังหารไปปลิดชีพศัตรูทางการเมืองอย่างน้อย 25 คนในช่วงปี 1991-1992 ระหว่างที่รัฐบาลของเขากวาดล้างขบวนการไชนิงพาธ (Shining Path) ซึ่งนิยมลัทธิเหมา
อย่างไรก็ดี ผลงานการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธไชนิงพาธที่เคยก่อเหตุลักพาตัวและโจมตีประชาชนในเปรูนี่เองที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากยังคงรักและศรัทธาในตัวอดีตผู้นำเชื้อสายญี่ปุ่นรายนี้