เอเอฟพี - กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ดิ อินดิเพนเดนต์ (The Independent) ของอังกฤษ ส่งต้นฉบับสุดท้ายเข้าสู่โรงพิมพ์เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) ก่อนปิดตำนานสื่อสิ่งพิมพ์ที่อยู่คู่สังคมเมืองผู้ดีมานานถึง 30 ปี และมุ่งสู่การทำข่าวเสนอผู้อ่านในโลกดิจิตอลอย่างเต็มตัว
บทบรรณาธิการในฉบับสุดท้ายระบุว่า ประวัติศาสตร์จะเป็นผู้ตัดสินว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นสื่อออนไลน์ “อย่างกล้าหาญ” ของ ดิ อินดิเพนเดนต์ “จะเป็นแบบอย่างให้หนังสือพิมพ์ทั่วโลกก้าวเดินตาม”
“วันนี้เราได้ยุติการพิมพ์อย่างถาวร น้ำหมึกเหือดแห้ง และอีกไม่นานกระดาษก็จะคงไม่ถูกพับอีก... แต่ถึงแม้ว่าบทหนึ่งจะปิดตัวลง อีกบทหนึ่งก็ได้ถูกเปิดขึ้นมา และจิตวิญญาณของ ดิ อินดิเพนเดนต์ จะยังคงรุ่งโรจน์ต่อไป”
เดือนที่แล้ว อีฟเจนี อเล็กซานโดรวิช เลเบเดฟ เจ้าของสื่อในเครือ ดิ อินดิเพนเดนต์ ได้ประกาศจะยุติการทำหนังสือพิมพ์ โดยระบุว่า วงการวารสารศาสตร์ได้ “เปลี่ยนแปลงไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม” และถึงเวลาที่หนังสือพิมพ์ “จะต้องปรับตัวตาม”
ดิ อินดิเพนเดนต์ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1986 จากนักหนังสือพิมพ์ 3 คน และค่อยๆ เติบโตจนกลายเป็นสื่อชั้นนำของอังกฤษที่ผู้คนจดจำได้จากการพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งด้วยตัวอักษร และภาพที่โดดเด่นเตะตา
ดิ อินดิเพนเดนต์ เคยมีผู้อ่านมากกว่า 420,000 ฉบับต่อวันในยุคที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ปัจจุบัน เหลือยอดจำหน่ายเพียงราวๆ 40,000 ฉบับต่อวัน
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการอุทิศให้แก่ ดิ อินดิเพนเดนต์ ซึ่งพวกเขาระบุว่า เป็น “หนังสือพิมพ์ยอดเยี่ยม” ที่ต้องเผชิญมรสุมใหญ่จากความเปลี่ยนแปลงของตลาดโฆษณา โดยเฉพาะเม็ดเงินรายได้ที่ถูกสื่อสังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุ๊ก แย่งไป
“หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ ที่อยู่คู่สังคมมานานหลายร้อยปีกำลังถูกท้าทายทางธุรกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น คงไม่มีใครชื่นชมยินดีต่อการปิดตัวหนังสือพิมพ์ ดิ อินดิเพนเดนต์”
เดอะ การ์เดียน และ ดิ อินดิเพนเดนต์ ต่างเป็นสื่อที่มีแนวคิดเอียงซ้าย และรณรงค์คัดค้านอย่างหนักตอนที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจร่วมมือกับสหรัฐฯ บุกอิรักเมื่อปี 2003
หนังสือพิมพ์ฉบับสุดท้ายจะแนบนิตยสารพิเศษ 4 เล่ม ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของ ดิ อินดิเพนเดนต์ ก่อนจะกลายมาเป็นหนังสือพิมพ์รายวันหัวแรกของอังกฤษที่ประกาศยุติการพิมพ์ นับตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา