ชมคลิป “ป๋าเด็ปป์” เป็น “โดนัลด์ ทรัมป์” :“เบอร์นี แซนเดอร์ส” พบผู้นำผิวสีคนดัง “สาธุคุณ อัล แชร์ปตัน” กลางภัตตาคารเก่าแก่ในนิวยอร์ก ท่ามกลางกองทัพสื่อ

เอเจนซีส์ /ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ประวัติศาตร์ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อ ส.ว.รัฐเวอร์มอนต์ เบอร์นี แซนเดอร์ส พบกับผู้นำแอฟริกันอเมริกันชื่อดัง สาธุคุณ อัล แชร์ปตัน ในภัตตาคารซิลเวีย ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียง ย่านฮาร์เลม(Harlem) ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชน และผู้สนับสนุนแซนเดอร์ส ย้ำรอยประวัติศาสตร์ปี 2007 ในศึกเลือกตั้งสมัยแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่ได้พบกับสาธุคุณคนดังที่ภัตตาคารแห่งนี้ก่อนขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ในขณะที่ฝั่งพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ดังไม่เลิก สื่ออิสระสหรัฐฯ เลือก จอห์นนี เด็ปป์ เป็น “โดนัลด์ ทรัมป์” ในภาพยนตร์เรื่องสั้นล้อเลียนล่าสุดในอเมริกา Funny or Die : Donald Trump ส่วนผู้สมัครอีก 2 คน คริส คริสตี และ คาร์ลี ฟิโอนา ประกาศถอนตัวหลังแพ้ยับในการเลือกตั้งสองรัฐแรก

เดลิเมล์ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ว่า หลังจากที่ ส.ว.สายอิสระ เบอร์นี แซนเดอร์สสามารถคว้าชัยในศึกเลือกตั้งรอบไพรมารีโหวตรัฐนิวแฮมป์เชียร์สำเร็จในวันอังคาร(9 ก.พ.) โดยมีคะแนนทิ้งห่างฮิลลารี คลินตัน อันดับ 2 ซึ่งจากเดโมแครต เอสแทบลิชเมนต์ ในสัดส่วน 60% ต่อ 38% โดยสื่อสหรัฐฯ MSNBC ได้ให้ฉายาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 ว่าเป็นศึกเลือกตั้งของคนนอก ที่เจาะจงไปถึงแซนเดอร์ส และโดนัลด์ ทรัมป์

โดยพบว่าในวันประกาศผลการเลือกตั้งรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ณอน ฮวนนิตา นักวิจารณ์การเมืองปีกขวาจัด ผู้จัดรายการฟ็อกซ์นิวส์ และผู้จัดรายการในสถานีวิทยุสายอนุรักษ์ เกลน เบค ได้สัมภาษณ์ทรัมป์หลังการได้รับชัยชนะ และได้แสดงความไม่เห็นด้วยในบางนโยบายของทรัมป์

และหลังจากนั้นพบว่าสื่อวิทยุขวาจัดได้ออกแคมเปญโจมตีทรัมป์อย่างดุเดือด และมีนักจัดรายการอีกหลายคนได้ให้ความเห็นว่า ขอให้ลืมการเลือกตั้งครั้งนี้ และมุ่งความสนใจไปที่รัฐทางใต้ เช่น รัฐเซาท์แคโรไลนา แทน และเชื่อว่าผู้สมัครที่สายรีพับลิกัน เอสแทบลิชเมนต์ให้การสนับสนุน เช่น ส.ว.รัฐเทกซัส เท็ด ครูซ หรือ ส.ว.รัฐฟลอริดา มาร์โก รูบิโอ จะสามารถมีชัยชนะ

อย่างไรก็ตาม การพบปะระหว่างแซนเดอร์สกับแชร์ปตันในวันพุธ (10) นั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา มีสื่อหลายสำนักต่างคาดการณ์ว่าแซนเดอร์สพยายามจะหาผู้สนับสนุนจากฝั่งประชาชนชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันอเมริกัน และพบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ที่ได้ลงทะเบียนในรัฐเซาท์แคโรไลนาเป็นประชาชนผิวสี

ซึ่ง NPR สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา มีผู้ออกเสียงเลือกตั้งกว่าครึ่งในรัฐทางใต้แห่งนี้เป็นแอฟริกัน อเมริกัน และปรากฏว่าในครั้งนั้นฮิลลารีแพ้โอบามาไป 29%

แต่ทว่าในการเลือกตั้งปีนี้ จากผลโพลพบว่าคลินตันมีคะแนนนำแซนเดอร์สด้วยตัวเลข 2 หลัก แต่แซนเดอร์สมีเวลาถึง 17 วันที่จะไล่ตามให้ทัน

NPR ชี้ว่า ฮิลลารี คลินตันมีฐานเสียงในกลุ่มแอฟริกันอเมริกันและชาวอเมริกันเชื้อสายละติน ซึ่งร็อบบี้ มุค ( Robby Mook) ผู้จัดการหาเสียงของคลินตันให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “เป็นการยากที่จะชนะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนแอฟริกันอเมริกัน และปราชาชนเชื้อสายฮิสแปนิก”

อย่างไรก็ตาม ในการพบกันระหว่างแซนเดอร์สกับแชร์ปตันที่นอกจากเป็นนักจัดรายการทางสื่อทีวีเน็ตเวิร์ก MSNBC แล้ว เขายังเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวแบบไม่ได้รับเงินเดือนด้านสิทธิมนุษยชนของโอบามาอีกด้วย นั้นมีบรรยากาศการพบปะอย่างชื่นมื่น โดยคนทั้งคู่เดินทางมาถึงก่อนเวลา 10.00 น. และใช้เวลาหารือราว 30 นาที

โดยในการให้สัมภาษณ์ในรายการเดอะวิวในภายหลัง แซนเดอร์สกล่าวถึงการพบปะสาธุคุณแชร์ปตันว่า “ผมไม่ได้กินอะไรมากนักในอาหารเช้ามื้อนี้ ผมดื่มแค่กาแฟแก้วเดียว”

และแซนเดอร์สยังกล่าวต่อในรายการนี้ โดยอธิบายว่า เขาได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในหมู่ประชาชนแอฟริกันอเมริกัน

สื่อเอบีซี 7 รายงานเพิ่มเติมว่า ในการสนทนาระหว่างแซนเดอร์สกับแชร์ปตันครอบคลุมหลายประเด็นที่เป็นที่สนใจในสหรัฐฯ ซึ่งรวมไปถึงการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจอเมริกันในการปฏิบัติหน้าที่กับประชาชนผิวสี และปัญหาน้ำประปาพิษเมืองฟลินต์ รัฐมิชิแกน และยังรวมไปถึงแนวทางที่แซนเดอร์สจะชนะการเลือกตั้งในรัฐเนวาดา และรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นสองรัฐที่มีประชากรชนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช่ฐานเสียงหลักของแซนเดอร์ส

โดยในการให้สัมภาษณ์ในการพบปะ แชร์ปตันกล่าวว่า “ผมคิดว่าแซนเดอร์สกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง…หลังจากการชนะเลือกตั้งรอบไพรมารีโหวตรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์รัฐแห่งนี้ และแซนเดอร์สกำลังตรงดิ่งมาพบผมเพื่อร่วมรับประทานอาหารเช้าที่ฮาร์เลม”

นอกจากนี้แชร์ปตันยังกล่าวต่อ โดยได้เปิดเผยต่อสื่อ MSNBC ว่า เขาต้องการทราบว่าแซนเดอร์สจะจัดการอย่างไรต่อปัญหาน้ำประปาพิษตะกั่วเมืองฟลินต์ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮิลลารี คลินตัน ได้ไปเยือนที่เมืองแห่งนี้

“อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คลินได้ไปเยือนเมืองฟลินต์ในวันอาทิตย์ ผมจึงอยากทราบว่า ส.ว.แซนเดอร์สมีแนวทางแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะนโยบายหาเสียงหลักของเขาเกี่ยวข้องกับปัญหาเศรษฐกิจของพวกวอลล์สตรีท 1%”

และผู้นำผิวสีกล่าวต่อว่า “ทุกคนทราบดี กลุ่มเชื้อชาติยังเป็นปัจจัยสำคัญเพราะเรายังคงมีปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และด้านรายได้” ซึ่งแชร์ปตันได้เปิดเผยว่า “ส.ว.แซนเดอร์สได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เราสนทนาหารือแบบตัวต่อตัว แซนเดอร์สเป็นคนที่เปิดเผย และตรงไปตรงมามาก”

ทั้งนี้ ในการให้คำตอบของแซนเดอร์สในภัตตาคารซิลเวีย ที่ได้เปิดเผยบางช่วงผ่านสื่อ MSNBC ถึงการพูดคุยบางส่วนระหว่างคนทั้งคู่ แซนเดอร์สกล่าวว่า เขาตระหนักดีถึงกลุ่มประชากร และจะเปิดเผยตัวตนของเขาต่อประชาชนเหล่านั้น

ทั้งนี้ สื่อเดลิเมล์รายงานว่า แชร์ปตันได้ทวีตข้อความในการพบปะกับแซนเดอร์สว่า “ตัวผมและบุตรสาวคนเล็ก พร้อมด้วย ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส และภรรยา ที่มีภาพถ่ายตัวผมและประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ติดอยู่ข้างฝา ซึ่งถ่ายในภัตตาคารเดียวกันนี้ในปี 2007”

อย่างไรก็ตาม เอบีซี 7 ชี้ว่า สาธุคุณแชร์ปตัน ผู้นำผิวสีกล่าวว่า เขายังไม่ประกาศตัวที่จะสนับสนุน เบอร์นี แซนเดอร์ส อย่างเป็นทางการ แต่เขาจะแถลงหลังจากมีกำหนดพบกับฮิลลารี คลินตัน ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ไปแล้ว

โดยแชร์ปตันกล่าวย้ำว่า “ความกังวลของผมที่มีคือในเดือนมกราคมปีหน้าครอบครัวผู้นำผิวสีจะต้องย้ายออกไปจากทำเนียบขาว ผมไม่อยากให้ความหวังของชาวแอฟริกันอเมริกันต้องย้ายออกตามไปด้วย”

และความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุดพบว่า ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี คริสต์ คริสตี ผู้ล้ม มาร์โก รูบิโอ ในการดีเบตรอบก่อนไพรมารีโหวตรัฐนิวแฮมป์เชียร์ และอดีตซีอีโอ คาร์ลี ฟิโอรินา จากพรรครีพับลิกัน ประกาศถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครแล้ว

นอกจากนี้ยังพบว่ามีรายการละครทีวีสั้นล้อเลียนการเมือง “Funny or Die ในตอนไบโอพิคของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่มี “จอห์นนี เด็ปป์” รับบทเป็นทรัมป์อย่างสมบทบาท เปิดตัวเมื่อวานนี้ (10) และมีกำหนดจะฉายในเร็ววันนี้ เรียกเสียงฮือฮาจากสื่อชั้นนำสหรัฐฯ ไปทั่วถึงความเหมือนและความฮา ซึ่งอ้างว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากอัตชีวประวัติของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อ้างว่าขายดีกว่าคัมภีร์ไบเบิลเสียอีก (ฮา)