เอเอฟพี /เอเจนซีส์ / MGR online – ทางการจอร์เจียประกาศในวันจันทร์ (8 ก.พ.) แผนเดินหน้าก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ใน “ทะเลดำ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการลงทุนมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางการค้าระหว่างจีนและยุโรป ตามเส้นทางการค้าประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันดีในชื่อ “เส้นทางสายไหม”
นายกรัฐมนตรีจอร์จี กวิริกาชวิลี แห่งจอร์เจีย เผยว่า ประเทศของตน ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตได้ตกลงมอบหมายให้บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มทุนจากสหรัฐฯและจอร์เจียที่ใช้ชื่อว่า “Anaklia Development Consortium” เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งดังกล่าวในทะเลดำ โดยที่บริษัทร่วมทุนดังกล่าวเกิดจากการรวมตัวกันของบริษัททีบีซี โฮลดิงของจอร์เจีย และบริษัทคอนติ อินเตอร์เนชันแนลที่มีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา
นายกรัฐมนตรีแห่งจอร์เจียกล่าวต่อผู้สื่อข่าวโดยแสดงความเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะนำมาซึ่งโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในทางเศรษฐกิจทั้งสำหรับจอร์เจียและทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงช่วยเติมเต็มแนวความคิดเรื่องเส้นทางสายไหมในยุคใหม่ให้กลายเป็นรูปธรรม
รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศโครงการลงทุนจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟูเส้นทางการค้ายุคโบราณอย่างเส้นทางสายไหม ให้กลับมาเป็นเส้นทางการค้าสำคัญของโลกในยุคใหม่อีกครั้ง โดยหวังจะเชื่อมต่อเอเชียตะวันออก เอเชียกลาง และยุโรปเข้าด้วยกันทั้งทางบกและทางทะเล
แนวคิดดังกล่าวของรัฐบาลปักกิ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจอร์เจีย ที่ต้องการยกระดับตนเองให้เป็นดินแดนศูนย์กลางการขนส่งในแถบทะเลดำด้านตะวันออก เพื่อแข่งขันกับตุรกี ที่ถือเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าจากจีนไปยังยุโรปมาแต่เดิม
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลจอร์เจียจะร่วมลงทุนเป็นจำนวนเงินราว 100 ล้านดอลลาร์ ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะมาจากบริษัทร่วมทุน Anaklia Development Consortium ดังกล่าว
ด้านแหล่งข่าวทางการทูตในกรุงทบิลิซีของจอร์เจียเปิดเผยว่า การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งดังกล่าว มีกำหนดจะเริ่มดำเนินการได้ภายในช่วงปลายปี 2016 นี้ และจะใช้เวลาในการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 3 ปี ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะสามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้มากกว่า 100 ล้านตันต่อปี และท่าเรือน้ำลึกในทะเลดำแห่งนี้ จะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศจอร์เจียคิดเป็นสัดส่วนราว 0.5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีของประเทศนี้ภายในปี ค.ศ.2025
ทั้งนี้ จอร์เจียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่แถบเทือกเขาคอเคซัส ถือเป็นบ้านของประชากรราว 4.6 ล้านคน และรัฐบาลชุดปัจจุบันของจอร์เจียกำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศของตน เพื่อยกระดับเป็นศูนย์กลางด้านการค้าในภูมิภาค อันถือเป็นการต่อยอดจากการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อปี 2014