เอเจนซีส์ - ตัวแทนจากสหภาพยุโรปได้มาอยู่ที่ไทยในสัปดาห์นี้ เพื่อตรวจสอบดูว่าสยามเมืองยิ้มมีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน ในการดูแลจัดการเรื่องอุตสาหกรรมประมงผิดกฏหมาย
อียูได้ให้ใบเหลืองแก่ไทยในเดือนเมษายนปีที่แล้ว เพื่อเป็นการเตือนว่าไทยจำเป็นจะต้องจัดการตรวจสอบอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้โปร่งใส หลังจากพบว่ามีการใช้แรงงานทาส หากไม่มีการแก้ไขก็อาจจะนำไปสู่การให้ใบแดง ซึ่งหมายถึงการห้ามส่งออกอาหารทะเลไทยไปตลาดอียู
ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ อันดับ 3 ของโลก
เจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือไทย ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของอียูอยู่ที่ไทยแล้วเพื่อทำการประเมินความคืบหน้าของหน่วยงานไทยที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วเพื่อจัดการปัญหาประมงเถื่อน
"เมื่อพวกเขาพึงพอใจ พวกเขาก็จะกลับไปแล้วทำการตัดสินใจ" พลเรือโท จุมพล ลุมพิกานนท์ บอกกับรอยเตอร์ พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ยังไม่มีกรอบเวลาสำหรับการตัดสินใจดังกล่าว
จากการตรวจสอบหลายครั้งของเดอะการ์เดียน ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าแรงงานทาสที่มีทั้งชาวไทยและผู้อพยพ ถูกใช้งานบนเรือลากอวนในประเทศไทย สัตว์ทะเลที่พวกเขาจับได้ถูกขายให้กับบรรดาผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ อังกฤษ รวมถึงประเทศอื่นในยุโรป
ไทย ระบุว่า บรรลุมาตรการต่างๆ ที่ทางอียูตั้งขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว เพื่อดูแลอุตสาหกรรมประมงให้เรียบร้อย ซึ่งรวมถึงการจดทะเบียนเรือประมงและปราบปรามเครือข่ายค้ามนุษย์
กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การดำเนินงานได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
"กองกำลังพิเศษเฉพาะกิจซึ่งประกอบด้วยหลายหน่วยงาน ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบเรือและทำการบังคับใช้กฏหมาย มีเรือประมงมากกว่า 500 ลำที่ถูกตรวจสอบแล้ว พบเรือที่ผิดกฏหมาย 90 ลำ" กระทรวงฯ ระบุ
"ผลการประเมินของอียูนั้นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลการตัดสินใจของอียูจะเป็นอย่างไร ประเทศไทยก็ขอย้ำว่าความพยายามที่จะต่อสู้กับประมงเถื่อนนั้นจะไม่สั่นคลอน" คำแถลงของกระทรวงฯ ระบุ