รอยเตอร์ - สหประชาชาติเผยแพร่รายงานเมื่อวันอังคาร (19 ม.ค.) คาดหมายว่าผู้คนราว 3,500 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก อยู่ภายใต้การควบคุมตัวเป็นทาสโดยพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก พร้อมชี้นักรบกลุ่มนี้ควรถูกดำเนินคดีฐานก่ออาชญากรรมสงคราม
รายงานของสหประชาชาติระบุว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งยึดครองพื้นที่อันกว้างขวางทั้งในอิรักและซีเรีย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมต่างๆ ที่บางทีอาจมีความร้ายกาจเทียบเท่ากับการก่ออาชญกรรมสงคราม ก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์และเป็นไปได้อาจถึงขั้นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แต่กองกำลังด้านความมั่นคงอิรักและกลุ่มพันธมิตรต่างๆ ในนั้นรวมถึงนักรบเปชเมอร์กา ก็ลงมือฆ่าและลักพาตัวพลเมืองเช่นกัน “ในบางเหตุการณ์อาจเป็นการตอบโต้บุคคลที่พวกเขามองว่าให้การสนับสนุนหรือสมคบคิดกับพวกไอเอส” รายงานระบุ
มีพลเมืองอย่างน้อย 18,802 รายเสียชีวิตในสถานการณ์ความรุนแรงในอิรักในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2015 โดยในนั้นครึ่งหนึ่งอยู่ในแบกแดด นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกถึง 36,245 คน
สำนักงานความช่วยเหลือสหประชาชาติสำหรับภารกิจเพื่ออิรัก (UNAMI) และสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ คาดหมายว่าเวลานี้มีผู้คนราว 3,500 คนถูกพวกไอเอสควบคุมตัวเป็นทาส หลังจากนักรบกลุ่มนี้บุกยึดครองพื้นที่ชุมชนที่มีชาวสุหนี่เป็นคนส่วนใหญ่ทางเหนือและตะวันตกของอิรักในปี 2014
“พวกที่ถูกควบคุมตัวส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก และเป็นชนกลุ่มน้อยยาซิดี” รายงานถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่ในกรุงเจนีวา อ้างถึงชนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมทางภาคเหนือของอิรักที่พวกไอเอสมองว่าเป็นพวกบูชาปีศาจ “แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมาจากชนเชื้อสายอื่นและชนกลุ่มน้อยทางศาสนาอื่นๆ”
ฟรานเซสโก มอตตา ผู้อำนวยการสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำอิรัก บอกว่า พวกนักรบสุหนี่ไอเอส ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายตามมัสยิดชีอะห์และตลาดในแบกแดด ควรถูกดำเนินคดีสำหรับอาชญากรรมระหว่างประเทศ “พวกเขาใช้พลเมืองเป็นโล่ พวกเขาใช้เด็กในความขัดแย้งติดอาวุธ พวกเขายังมีเป้าหมายโดยตรงต่อโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน ซึ่งเปรียบได้กับการก่ออาชญากรรมสงคราม และมันยังเข้าองค์ประกอบของการก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์เช่นกัน”
มอตตาบอกต่อว่า “กลุ่มไอเอสต้องการกำจัดหรือไม่ก็ทำลายชนกลุ่มน้อย เราพบเห็นชุมชนต่างๆ อย่างเช่นชาวยาซิดีที่ต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะชาวยาซิดีถูกพวกไอเอสบังคับให้เปลี่ยนศาสนา ไม่งั้นก็ต้องเผชิญกับความตาย เจตนานี้ชัดเจนว่ามันคือการก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความตั้งใจของมันคือการทำลายชาวยาซิดีบางส่วนหรือทั้งหมด”
รายงานฉบับนี้ยังให้รายละเอียดการประหารชีวิตของพวกไอเอส ไม่ว่าจะเป็นการยิงเป้า ตัดศีรษะ เผาทั้งเป็น และจับโยนลงจากอาคาร ขณะที่เป้าหมายบางส่วนเป็นพวกแพทย์ ครู และผู้สื่อข่าวที่ต่อต้านอุดมการณ์ของพวกเขา
“เราได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการเกณฑ์เด็กๆ อายุน้อยสุด 9 ขวบ ไปฝีกฝนเพื่อใช้เป็นมือปฏิบัติการฆ่าตัวตายในภารกิจต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการบังคับพวกเขาบริจาคเลือดและจับอาวุธต่อสู้ในพื้นที่ขัดแย้งต่างๆ” มอตตากล่าว พร้อมเผยว่ามีเด็กราว 800 ถึง 900 คนในโมซุล ถูกลักพาตัวไปเพื่อฝึกฝนด้านการทหาร และการศาสนา