เอเจนซีส์ – บอร์นไฮม์ (Bornheim) ทางใต้ของโคโลญจ์น เยอรมนี ประกาศห้ามไม่ให้ผู้อพยพเพศชายเข้าใช้บริการสระน้ำของเมืองโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีกลุ่มชายวัยรุ่นซึ่งเป็นผู้อพยพที่ส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ อาศัยในศูนย์พักพิงบริเวณใกล้เคียง ได้ลวนลามหญิงชาวเยอรมันที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ โดยการล้อมกรอบลวนลามบังคับจูบ เป็นต้น
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(15 ม.ค)ว่า เจ้าหน้าที่ในเมืองบอร์นไฮมม์ (Bornheim) 20 กม.ทางใต้ของเมืองโคโลญจ์น ได้ให้ข้อมูลว่า มีกลุ่มชายวัยรุ่นซึ่งเป็นผู้อพยพที่ส่วนใหญ่อพยพมาจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งพักอยู่ในศูนย์ผู้อพยพบริเวณใกล้เคียงถูกทางเมืองสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาใช้บริการสระว่ายน้ำ จนกว่าพฤติกรรมคุกคามทางเพศจะได้รับการแก้ไข
คำสั่งห้ามที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ตามหลังคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงวันก่อนขึ้นปีใหม่ ที่พลเมืองเยอรมัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีตกเป็นเหยื่อ ภัยคุกคาม นับร้อยราย ซึ่งรวมไปถึงการถูกข่มขืน 2 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่เมืองโคโลญจ์น
RT สื่อรัสเซียรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากที่จะมีรายงานคำสั่งไม่ให้ผู้ลี้ภัยเพศชายเข้าใช้บริการสระว่ายน้ำที่เมืองหนึ่งแล้ว ยังมีเมืองอื่นที่เจ้าหน้าที่ของเมืองได้ออกมาตรการรัดกุมมากขึ้นเพื่อป้องกันคดีคุกคามทางเพศที่เกิดจากผู้อพยพเข้าเยอรมัน
โดยในเมืองบอร์นไฮม์ ที่มีรายงานว่าได้สั่งห้ามนั้น ทำให้มีการวิตกกันสูงถึงความไม่ปลอดภัยไปทั่วทั้งเมือง เจ้าหน้าที่บอร์นไฮม์ แถลงในวันศุกร์(15) ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการคุกคามเกิดขึ้น แต่ทว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ถูกจัดว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศในเยอรมัน เป็นเพียงแค่ “เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม” เท่านั้น หัวหน้าแผนกสวัสดิการเมือง มาร์คัส ชนาปคา (Markus Schnapka) ให้ความเห็นผ่านสื่อเยอรมัน ดี เวลต์ (Die Welt)
อย่างไรก็ตาม การประกาศห้ามนี้เป็นคำสั่งชั่วคราว โดยคนทั้งหมดยังสามารถกลับเข้าไปใช้บริการได้อีกครั้ง หากมีความประพฤติที่ดีขึ้นกว่านี้ “เมื่อเจ้าหน้าที่สวัสดิการสังคมแจ้งยืนยันว่า คนเหล่านี้ได้ปรับปรุงพฤติกรรมแล้ว ทางเราจึงจะดำเนินการยกเลิก” ชนาปคาแถลง รายงานจากหนังสือพิมพ์ ดี ไซต์ (Die Zeit)
นอกจากนี้หัวหน้าสวัสดิการสังคมบอร์นไฮม์แถลงเพิ่มเติมว่า มีแผนที่จะจัดงานวันแห่งข้อมูลที่ศูนย์พักพิงในเมืองบอร์นไฮม์ ซึ่งมีผู้อพยพจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนืออยู่ราว 300 คน เพื่อให้รับทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับพลเหมืองหญิงชาวเยอรมัน และการแสดงออกต่อคนเหล่านั้นอย่างเหมาะสมในที่สาธารณะ
นอกจากนี้ คำสั่งห้ามการใช้สระน้ำ ยังเกิดมาจากรายงานกลุ่มวัยรุ่นผู้อพยพได้เข้าล้อมกรอบหญิงชาวเยอรมันวัยราว 50 ปีคนหนึ่ง เพื่อพยายามลวนลามบังคับจูบเธอในช่วงกลางวันบริเวณสระว่ายน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานเพิ่มเติมต่อว่า หญิงผู้นี้ถูกละเมิดอื่นๆด้วยหรือไม่ หรือชายผู้อพยพกลุ่มนี้มีจุดประสงค์เพื่อต้องการที่มากกว่านี้หรือไม่
และนอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สระว่ายน้ำเนตเฟน (Netphen)บริเวณรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน (North Rhine-Westphalia)ใกล้เมืองโคโลญจ์น ได้ออกคำสั่งบังคับทางวินัยห้ามไม่ให้ผู้ลี้ภัยบางคนเข้าไปใช้สระน้ำเช่นกัน
เบอร์นด์ วีคโรเร็ค (Bernd Wieczorek) ผู้จัดการสระว่ายน้ำ ได้ออกมายืนยันคำสั่งห้ามนี้ โดยกล่าวว่า กลุ่มวัยรุ่นต่างชาติอพยพที่มีอายุราว 20-25 ปี ได้แสดงอาการลวนลามผู้เข้าใช่สระน้ำสตรี โดยพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ หลังจากที่ได้ใช้สายตาจ้องมองเนินออกในระหว่างการสอนปั่นจักรยานน้ำ aqua-cycling และสะกดรอยตามพวกเธอหลังจากเลิกเรียนแล้ว
ทั้งนี้วีคโรเร็คชี้ว่า ข้อปฎิบัติการใช้สระว่ายน้ำถูกแสดงใน 4 ภาษา ทั้งเยอรมัน อังกฤษ อาระบิก และฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม พบว่าที่สระว่ายน้ำแห่งนี้ ผู้ลี้ภัยไม่ถูกห้ามเข้าใช้บริการ แต่ทางผู้จัดการสระว่ายน้ำตัดสินใจเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นไปกว่านี้ เพราะทางสระว่ายน้ำแห่งนี้เชื่อว่า “คำสั่งการห้ามใช้” อาจเข้าข่ายกีดกันทางเชื้อชาติ สื่อ RP Online รายงาน
ซึ่งการถูกกล่าวหาว่า “กีดกันทางเชื้อชาติ” นี้เกิดขึ้นในออสเตรีย เมื่อบาร์ชาร์ลีส์( Charly’s)ในเมือง Bad Ischl ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้อพยพตะวันออกกลางเข้าไปใช้บริการ หลังมีปัญหาการคุกคามทางเพศเกิดขึ้น และส่งผลทำให้กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนมนุษย์ต่างๆออกมาวิพากษ์วิจารณ์