เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(28ธ.ค) แหล่งข่าวภายในคณะรัฐมนตรีมาเลเซียเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ได้ยอมรับว่าใช้เงินบริจาคจำนวน 700 ล้านดอลลาร์ซึ่งไม่ได้ระบุแหล่งที่มาแต่กลับปรากฎอยู่ในบัญชีธนาคารส่วนตัว เพื่อทำให้พรรคอัมโนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2013
CNBC สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(29ธ.ค)ว่า แหล่งข่าวรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ได้ออกมาให้ข้อมูลต่อสื่อธุรกิจสหรัฐฯ วอลสตรีท เจอร์นัล ในวันอังคาร( 28 ธ.ค)ว่า ผู้นำมาเลเซียได้ยอมเปิดเผยออกมาเป็นคำพูดว่า “ผมได้รับเงินมาเพื่อให้พวกเราได้ใช้จ่าย”
ซึ่งแหล่งข่าวในคณะรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่า ราซัคได้เปิดเผยออกมาในการประชุมผู้นำระดับสูงของพรรครัฐบาลมาเลเซีย “อัมโน” ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา วอลสตรีท เจอร์นัลรายงานต่อ
โดยวอลสตรีท เจอร์นัลชี้ว่า เงินจำนวนราว 700 ล้านดอลลาร์นั้นถูกเก็บอยู่ในบัญชีเงินฝากส่วนตัวของราซัค และเงินก้อนนี้ได้ถูกนำออกมาใช้ในด้านการเมืองในการเลือกตั้งปี 2013
ซึ่งสื่อธุรกิจรายงานเพิ่มเติมว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ตามกฎหมายการเลือกตั้งของมาเลเซีย การใช้เงินบริจาคสาธารณะเพื่อทำให้พรรคอัมโนของราซัคยังคงอยู่ในอำนาจทางการเมืองต่อไปนั้น “ไม่ผิดกฎหมาย” แต่ทว่าวอลสตรีท เจอร์นัลให้ความเห็นว่า เป็นการชี้ให้เห็นถึงระบบการเลือกตั้งของมาเลเซียที่ขาดความโปร่งใส
ซึ่งในรายงานยของวอลสตรีท เจอร์นัล รายงาน ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อธุรกิจพบว่า มีเงินก้อนจำนวนมหึมาเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ถูกถอนออกมาจากกองทุนรัฐบาลมาเลเซีย “1MDB” และถูกฝากเข้าบัญชีส่วนตัวของราซัค
และเป็นเพราะการเปิดเผยของวอลสตรีท เจอร์นัล ทำให้ผู้นำมาเลเซีย “นาจิบ ราซัค” จำเป็นต้องยอมเปิดเผยในเดือนสิงหาคม 2015 ถึงที่มาของเงินก้อนนี้ว่า ได้รับการบริจาคมาจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง แต่กระนั้นผู้นำมาเลเซียไม่ยอมเปิดเผยถึงชื่อของประเทศแหล่งที่มาเงินก้อนนี้ รวมทั้งยังปกป้องการกระทำของตัวเองว่า “ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย”
CNBC รายงานเพิ่มเติมต่อว่า และการรายงานเมื่อวานนี้(28ธ.ค)ของวอลสตรีท เจอร์นัล ได้ต่อยอดมาจากการยอมรับของราซัคที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า เงินก้อนจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์ที่ปกปิดต่อสาธารณะ ถูกนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์การเลือกตั้ง โดยพบว่ามีเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 140 ล้านดอลลาซึ่งอยู่ในเงินบริจาคปริศนา ถูกนำออกไปเพื่อใช้ในโครงการประชานิยมของราซัคเพื่อส่งผลทำให้พรรคอัมโนชนะการเลือกตั้ง
และนอกจากนี้ ในการรายงานของวอลสตรีท เจอร์นัล ยังพบว่า 1MDB กองทุนรัฐบาลมาเลเซีย เป็นโปรเจกต์ที่สำคัญของรัฐบาลราซัคในปี 2008 โดยทางสื่อธุรกิจพบว่า ในขณะที่กองทุนนี้ยังมีปัญหาด้านความมั่นคงทางการเงินของกองทุนอย่างหนัก แต่กลับพบว่า ทางกองทุนยังอนุญาตให้นำเงินบางส่วนไหลออกเพื่อไปเข้าบัญชีของราซัคได้
วอลสตรีท เจอร์นัลชี้ว่า ที่ผ่านมา กองทุน 1MDB ได้ถูกตั้งกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสในการบริหาร หลังพบมีความเป็นไปได้ที่มีการนำเงินของบางส่วนของกองทุนมาใช้ในทางมิชอบ
และในเดือนมิถุนายนล่าสุด 1MDB ได้เข้าสู่โครงการปรับสภาพเพื่อทำให้ภาระหนี้สินของกองทุนที่มีไม่ต่ำกว่า 11 พันล้านดอลลาร์ลดลง ด้วยการประกาศขายทรัพย์สินของทางกองทุนเพื่อหาเงินสดใช้หนี้
และในเดือนที่ผ่านมาทาง 1MDB ได้ทำข้อตกลงขายโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าในราคา 9.83 พันล้านริงกิตมาเลเซีย หรือราว 2.3 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ของจีน ซึ่งมีรายงานในข้อตกลงในเดือนพศจิกายนนี้ ทั้งสองฝ่ายได้จ่ายเงินในมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดราว 12 พันล้านริงกิตมาเลเซีย
CNBC สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังพบว่าสิงคโปร์และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นสวรรค์ของบรรดาผู้ใช้ช่องทางลับในการโยกย้ายกองทุน ได้สั่งระงับบัญชีธนาคารที่พัวพันกับ 1MDB และยังมีรายงานจากสื่อต่างๆอีกว่า หน่วยสอบสวนสหรัฐฯ FBI กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ กองทุนรัฐบาลมาเลเซีย 1MDB เช่นเดียวกัน แต่ทว่าเป็นที่น่าเสียดายที่ว่าการสอบสวนกองทุนนี้ในมาเลเซียถูกสาดโคลนให้เป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ โดยกล่าวหาว่า การตรวจสอบ1MDB เป็นการจงใจให้ร้ายรัฐบาลพรรคอัมโน
สื่อสหรัฐฯ CNBC รายงานต่อว่าว่า ทางสื่อได้ติดต่อไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเพื่อขอความเห็นในเรื่องนี้ แต่ทว่าทางสำนักงานของราซัคไม่ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้