รอยเตอร์ - สิงคโปร์มองเห็นถึงภัยอันตรายในเอเชียจากฝีมือพวกนักรบอิสลามิสต์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ โดยเฉพาะภัยคุกคามจากการจับมือกันของกลุ่มต่างๆตามหลังประกาศสวามิภักดิ์ต่อพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) นายอึ้ง เอง เฮน (Ng Eng Hen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแดนลอดช่อง เปิดเผยในวันพุธ (9 ธ.ค.)
หนึ่งวันหลังจากลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมกับสหรัฐฯ ที่ครอบคลุมถึงการสู้รบข้ามชาติ นายอึ้งบอกว่าการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองคือกุญแจสำคัญในการจัดการกับประเด็นต่างๆ “เรามองเห็นภัยคุกคามจากพวกก่อการร้ายหัวรุนแรงที่อันตรายอย่างชัดแจ้งและอาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะในภูมิภาคของเรา” เขาบอกกับที่ประชุมสัมมนาในวอชิงตัน
นายอึ้งระบุว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้เห็นอกเห็นใจต่อไอเอสมีมากกว่าจำนวนเหล่าผู้นับสนุนอัลกออิดะห์ในช่วง 10 ปีหลังเสียอีก
เขาบอกว่าอินโดนีเซีย ชาติเพื่อนบ้านของสิงคโปร์ รายงานว่ามีพลเมืองมากกว่า 500 คน เดินทางออกไปร่วมสู้รบในซีเรียและอิรักในฐานะนักรบต่างชาติ ส่วนจากมาเลเซียก็มีมากถึง 150 คน ในนั้นบางส่วนเป็นกำลังพลของกองทัพ ขณะเดียวกันก็มีชาวสิงคโปร์จำนวนเล็กน้อยออกไปร่วมรบเคียงข้างพวกนักรบด้วยเช่นกัน
“นักรบเหล่านั้นกลับมาแล้วและประกาศสวามิภักดิ์ต่อไอเอส โดยมีภารกิจคือสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบอิสลามในดินแดนของพวกเรา พวกเขามีพวกเห็นอกเห็นใจ พวกเขามีนักรบต่างชาติที่ผ่านการฝึกฝนเป็นอย่างดี มีแรงจูงใจ มีแนวทาง และมีมุมมองร่วมกัน ดังนั้นเราต้องมองภัยคุกคามนี้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง” เขากล่าว
รัฐมนตรีกลาโหมแดนลอดช่องระบุต่อว่าสมาชิกของนักรบญะมาอะห์ อิสลามิยะห์ (ไอเอส) เครือข่ายของอัลกออิดะห์ที่เคยวางแผนโจมตีในสิงคโปร์ช่วง ค.ศ. 2000 ต้นๆ ได้ประกาศสวามิภักดิ์์ต่อไอเอส เช่นเดียวกับกลุ่มอาบูไซยาฟในฟิลิปปินส์
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ไมเคิล คีแนน รัฐมนตรียุติธรรมออสเตรเลีย ระบุว่าออสเตรเลียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้องเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่าในการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง และเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุก่อการร้ายโจมตีในภูมิภาคแบบเดียวกับที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส