เอเจนซีส์ / MGR online - เด็กทารกหญิงวัย 1 เดือนนามว่า “หนูน้อยนูเบีย” ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลารายสุดท้ายของประเทศกินีได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลแล้วในวันเสาร์ (28 พ.ย.) สร้างความยินดีให้แก่ทีมแพทย์และถือเป็นจุดเริ่มต้นการนับถอยหลัง 42 วันของกินีสู่การถูกประกาศให้เป็นดินแดนปลอดเชื้ออีโบลา ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) หากไม่มีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติมอีก
การฟื้นตัวอย่างสำคัญของหนูน้อยนูเบียซึ่งติดเชื้ออีโบลาผ่านทางมารดาของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว กลายเป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับคณะแพทย์และประชาชนกินีโดยทั่วไป โดยเฉพาะหลังจากที่หนูน้อยนูเบียซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์การแพทย์นองโกในกรุงโกนากรี ได้รับอนุญาตจากทีมแพทย์ขององค์กรการกุศล แพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres : MSF)ให้สามารถเดินทางกลับบ้านได้ในวันเสาร์ (28) พร้อมกับการเป็นเจ้าของสถิติทารกคนแรกที่รอดชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาจากมารดาตั้งแต่กำเนิด
การแพร่ระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้ในกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ที่เริ่มอุบัติขึ้นตั้งแต่ 2 ปีก่อนในเขตป่าลึกของประเทศกินีได้คร่าชีวิตผู้คนในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกไปแล้วกว่า 11,300 ราย และในเวลานี้เหลือเพียงไลบีเรียประเทศเดียวที่ยังคงมีผู้ติดเชื้ออีโบลารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
ก่อนหน้านี้เมื่อ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา โฟเด ตาสส์ ซีลลา โฆษกศูนย์ต่อสู้อีโบลาแห่งชาติของกินี ออกมาเปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลารายใหม่อีก 3 ราย ในประเทศของตน โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 3 คนได้รับเชื้ออีโบลาในเขตโฟเรการิอาห์ ทางภาคตะวันตกของประเทศ และได้รับเชื้อจากครอบครัวของสตรีรายหนึ่งที่เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาไปก่อนหน้านี้ โดยที่ศพของเธอไม่ได้ถูกจัดการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสมรณะ
กินี ถือเป็นประเทศต้นตอของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะอีโบลาในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก หลังพบเด็กชายวัยเพียง 2 ปีล้มป่วยเพราะติดเชื้ออีโบลาเป็นรายแรก ในเขตหมู่บ้านอันห่างไกลของกินีเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี 2013
ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกระบุว่าไวรัสอีโบลาได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 11,300 รายจากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดราว 28,500 รายในประเทศกินี ตลอดจนชาติเพื่อนบ้านอย่างไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน