เอเจนซีส์ – เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษรายงานล่าสุด เบื้องหลังการโจมตีโรงแรมเรดิสันบลู ในกรุงบามาโก เมืองหลวงของมาลีที่เกิดขึ้นในวันศุกร์(20)พบว่า มือปืนกลุ่มก่อการร้ายต้องการตามล่าเพื่อปลิดชีวิตลูกเรือบริษัทสายการบินแอร์ฟรานซ์ เพื่อแก้แค้นที่ฝรั่งเศสส่งกองกำลังโจมตีกลุ่มก่อการร้ายในมาลี
เดลีเทเลกราฟ รายงานเมื่อวานนี้(22)ว่า กลุ่มก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุบุกยึดโรงแรมเรดิสันบลูในวันศุกร์(20) ที่จบลงด้วยการเสียชีวิตจำนวน 27 คน ซึ่งรวมไปถึงชาวรัสเซียจำนวน 6 คน ชาวจีนจำนวน 3 คน ชาวเบลเยียมจำนวน 2 คน ชาวอเมริกันจำนวน 1 คนและชาวยิว 1 คน พบว่าตั้งใจบุกล่าสังหารลูกเรือของสายการบินแอร์ฟรานซ์ที่มาเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ คาซิม ไฮดารา (Kasim Haidara) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรมเรดิสันบลูและเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในระหว่างปฎิบัติหน้าที่ขณะเกิดเหตุให้สัมภาษณ์กับเดลีเทเลกราฟ
ทั้งนี้จากการสัมภาษณ์ไฮดารา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวมาลีให้ข้อมูลว่า เขาและเพื่อนร่วมงานถูกมือก่อการร้ายบังคับให้เปิดเผยข้อมูลชั้นที่พักของลูกเรือแอร์ฟรานซ์ หลังจากคนเหล่านี้เข้ามาแล้ว
ซึ่งเพื่อนร่วมงานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายนี้ตั้งใจลวงกลุ่มอิสลามิสต์ก่อการร้าย เพื่อให้ไปผิดทาง และทำให้ในที่สุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายนี้ถูกผู้ก่อการร้ายยิงเสียชีวิตในเวลาหลังจากนั้น
ซึ่งจากการให้ข้อมูลของไฮดารา ทำให้สื่ออังกฤษประเมินว่า กลุ่มมือปืนที่บุกเข้าไปยังโรงแรมแห่งนี้ในกรุงบามาโกพยายามอย่างมากที่จะตามล่าพลเมืองฝรั่งเศส หวังเพื่อแก้แค้นตอบโต้นโยบายปราบปรามก่อการร้ายของรัฐบาลมาลีที่ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสที่ผ่านมานาน 2 ปี
และยังทำให้เป็นเหตุผลอยู่เบื้องหลังคำสั่งของบริษัทแอร์ฟรานซ์สั่งระงับเที่ยวบินปารีส-บามาโก 2 เที่ยวต่อวัน นับตั้งแต่เกิดเหตุบุกยึดเรดิสันบลู
โดยไฮดารา วัย 28 ปีได้กล่าวท่ามกลางความรู้สึกหวดกลัวที่ยังเกิดขึ้นไม่หายถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายว่า มูซซา ทีมา-โคเนต (Moussa Tiema-Konate) เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในระหว่างการปฎิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุได้ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 5 ของโรงแรม “ เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นนั้น กลุ่มก่อการร้ายถามว่า ลูกเรือแอร์ฟรานซ์พักที่ไหน และทำให้ทีมา-โคเนตโกหกว่า คนเหล่านั้นพักอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรม และเมื่อกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้นรู้ตัวว่า ข้อมูลที่ได้รับเป็นเท็จ พวกเขาย้อนกลับมาและสังหารเพื่อนร่วมงานคนนี้”
อย่างไรก็ตาม สายการบินแอร์ฟรานซ์ไม่ให้ความเห็นในรายงานที่ลูกเรือของบริษัทตกเป็นเป้าล่าสังหาร และไม่ให้ข้อมูลว่าลูกเรือทั้ง 22 คน รวมไปถึงนักบิน 2 คนได้รับการอพยพออกไปจากโรงแรมเรดิสันบลูอย่างปลอดภัยหรือไม่
การออกมาให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรมเรดิสันบลูเกิดขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ เชฟประจำโรงแรมแห่งนี้ได้เปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ หนังสือพิมพฺนิวยอร์กไทม์ว่า หนึ่งในคนร้ายได้บุกมาถึงห้องครัวโรงแรม และได้ลงมือย่างเนื้อที่หาได้จากในห้องประกอบอาหารของโรงแรมหรูแห่งนี้อย่างใจเย็นในช่วงเวลา 9 ชม. ของการบุกยึด
โดยอาลี ยาซเบ็ก( Ali Yazbeck)วัย 30 ปี เชฟประจำโรงแรมเรดิสันบลูซึ่งถูกมือปืนก่อการร้ายทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บได้เปิดเผยว่า “หนึ่งในญิฮัดติดอาวุธบุกเข้ามาที่ห้องครัว และเปิดตู้แช่แข็ง หยิบเนื้อและนำมาย่างประกอบอาหารรับประทานอย่างใจเย็นก่อนจะกลับไปปฎิบัติการต่อที่ด้านนอก”
ทั้งนี้สื่ออังกฤษชี้ว่า al Mourabitoun กลุ่มก่อการร้ายที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ ร่วมมือกับกลุ่มอิสลามิกมาเกร็บ(AQIM) แถลงประกาศแสดงความรับผิดชอบ
และนอกจากนี้มีรายงานว่า ผู้ปฎิบัติการลงมือจู่โจมพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงไนจีเรีย ทำให้มีการเพิ่มความสงสัยมากขึ้นว่า ปฎิบัติการครั้งนี้กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัม ที่มีฐานปฎิบัติการในไนจีเรียอาจมีส่วนในเรื่องนี้ แต่ทว่าทางเจ้าหน้าที่สอบสวนชี้ว่า หากกลุ่มโบโกฮารัมมีส่วนช่วยลงมือจริง ทางกลุ่มจะประกาศอ้างความรับผิดชอบก่อนหน้านี้แล้ว
เดลีเทเลกราฟยังชี้เพิ่มเติมว่า ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางมาลีอยู่ในระหว่างการตามล่าคนร้ายอีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 3 คนที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงมือโจมตีโรงแรมเรดิสันบลูในวันศุกร์(20) ซึ่งหลังเกิดเหตุมือปืนติดอาวุธ 2 ราบถูกสังหารในปฎิบัติการสนธิกำลังระหว่างกองกำลังพิเศษระหว่างสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และมาลี
สื่ออังกฤษรายงานว่า ก่อนหน้านี้โรงแรมเรดิสันบลูแห่งนี้ได้ถูกกำหนดเป็นสถานที่จัดหารือการตกลงล่าสุด ซิดี บราฮิม อูลด์ ซิดาตี (Sidi Brahim Ould Sidati) ของกลุ่มการเคลื่อนไหวอาซาวัด( Azawad) ให้คววามเห็น
