เอเอฟพี - หญิงสาวชาวภารตะซึ่งพลัดหลงข้ามแดนไปยังฝั่งปากีสถาน และต้องติดอยู่ที่นั่นนานกว่า 10 ปีเนื่องจากหูหนวกและเป็นใบ้ ได้รับความช่วยเหลือให้เดินทางกลับอินเดียแล้วในวันนี้ (26 ต.ค.) โดยมีบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นญาติพี่น้องของเธอมารอรับกลับบ้าน
หญิงสาวซึ่งมีนามสั้นๆ ว่า “คีตา” ยิ้มรับช่อดอกไม้จากเจ้าหน้าที่อินเดีย หลังเดินทางถึงสนามบินนานาชาติ อินทิรา คานธี ในกรุงนิวเดลี โดยมีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิเอธี (Edhi Foundation) ในปากีสถานติดตามมาส่ง
“พวกเราดีใจจริงๆ ที่ได้พบเธออีก ขอบคุณรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ช่วยพาเธอกลับบ้าน” วิโนด กุมาร ซึ่งอ้างว่าเป็นพี่ชายของคีตา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่สนามบิน
วิกาส สวารัป โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า “ลูกสาวคนหนึ่งได้กลับบ้านแล้ว คีตาเดินทางถึงนิวเดลีโดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิเอธี (Edhi Foundation) คอยดูแล”
รายงานระบุว่า หญิงสาวคนนี้นั่งรถไฟข้ามพรมแดนไปยังปากีสถานขณะมีอายุเพียง 11-12 ปี โดยไม่พกเอกสารประจำตัว และต้องติดอยู่ที่นั่นเพราะไม่สามารถอธิบายได้ว่าตนเป็นใคร และมาจากที่ไหน
คีตา ซึ่งเวลานี้อายุราว 20 ต้นๆ ถูกส่งตัวไปยังมูลนิธิเอธีซึ่งเป็นหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมใหญ่ที่สุดในปากีสถาน โดยอาศัยอยู่ที่บ้านพักในเมืองท่าการาจี
แม้แต่ชื่อ “คีตา” ก็เป็นชื่อที่ทางมูลนิธิตั้งให้เธอ
เมื่อต้นเดือนที่แล้ว คีตาบอกกับทางมูลนิธิว่า เธอจดจำครอบครัวซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐพิหารได้จากรูปถ่ายที่ทางการอินเดียส่งมาให้ดู
แม้ คีตา จะมั่นใจว่า วิโนด กุมาร และครอบครัวของเขาคือญาติที่พลัดพรากจากกันมานานกว่าทศวรรษ และได้เก็บภาพถ่ายครอบครัวเอาไว้ในกล่องเหล็กตั้งแต่วันแรกที่เห็น แต่กระทรวงการต่างประเทศอินเดียยืนยันว่าต้องมีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ก่อนจะส่ง คีตา คืนให้แก่ครอบครัว
“เราอยากให้การตรวจดีเอ็นเอเสร็จสิ้นเร็วๆ พวกเรารอคอยเธอมานานมากแล้ว” กุมาร กล่าว
อย่างไรก็ดี ยังมีประเด็นที่น่าสงสัยเกี่ยวกับประวัติของ คีตา ที่ต้องสืบให้แน่ชัด เพราะตอนที่หญิงสาวถูกตำรวจปากีสถานพบที่เมืองลาฮอร์นั้น เธอยังไม่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นด้วยซ้ำ ขณะที่ครอบครัวของ วิโนด กุมาร อ้างว่า หญิงในครอบครัวของเขาหายไปหลังจากที่แต่งงานและมีบุตรแล้ว 1 คน
ทั้งนี้ หากผลตรวจดีเอ็นเอพบว่า คีตา ไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับครอบครัวในรัฐพิหาร รัฐบาลอินเดียก็จะติดต่อหน่วยงานที่เหมาะสมให้เข้ามาดูแลเธอต่อไป
ชะตากรรมของ คีตา กลายเป็นข่าวดังจนมีผู้เอาไปสร้างภาพยนตร์บอลลีวูด “Bajrangi Bhaijaan” โดยปรับเนื้อหาให้เป็นเรื่องของหญิงสาวชาวปากีสถานที่หลงมาติดอยู่ในอินเดีย
ทางการอินเดียยืนยันว่าจะพยายามสืบหาบ้านของ คีตา ให้เจอ และปรากฏว่ามีชาวอินเดียหลายครอบครัวออกมาอ้างว่าเธออาจจะเป็นลูกสาวของพวกเขาที่หายไป