xs
xsm
sm
md
lg

เอาจริง! “อาเจะห์” เริ่มลงโทษ “เฆี่ยน 100 ครั้ง” คนมีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - จังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซียจะเริ่มใช้บทลงโทษ “เฆี่ยน 100 ครั้ง” สำหรับมุสลิมที่มีเซ็กซ์กับคนเพศเดียวกันซึ่งถือว่าผิดหลักศาสนาอิสลาม โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (23 ต.ค.) ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชนที่มองว่ากฎหมายดังกล่าว “ไร้มนุษยธรรม”

ชาห์ริซาล อับบาส หัวหน้าฝ่ายกฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) ประจำจังหวัดอาเจะห์ ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักระหว่างผู้ชาย หรือ “การลูบไล้ส่วนต่างๆ ของร่างกายระหว่างผู้หญิงด้วยกันเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ” ถือเป็นพฤติกรรมต้องห้ามในอิสลาม ซึ่งกฎข้อนี้ถูกบังคับใช้กับชาวมุสลิมทุกคนในอาเจะห์ ไม่เว้นกระทั่งชาวต่างชาติ

กฎหมายฉบับนี้ผ่านการอนุมัติจากสภาบริหารจังหวัดอาเจะห์เมื่อปี 2014 ท่ามกลางเสียงติเตียนจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน แต่เจ้าหน้าที่ได้ให้เวลาผ่อนผัน 1 ปีเพื่อชี้แจงข้อมูลแก่สาธารณชนก่อนที่จะเริ่มบังคับใช้จริง

“กฎหมายข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และป้องกันมิให้ชาวมุสลิมในอาเจะห์ประพฤติผิดศีลธรรม” อับบาสแถลงวันนี้ (22)

การมีเพศสัมพันธ์แบบไม้ป่าเดียวกันไม่ถือเป็นความผิดในจังหวัดอื่นๆ ของอินโดนีเซีย ซึ่งยึดประมวลกฎหมายอาญาของอดีตเจ้าอาณานิคมเนเธอร์แลนด์เป็นต้นแบบ

อาเจะห์เป็นจังหวัดเดียวในอินโดนีเซียที่นำกฎหมายชารีอะห์มาบังคับใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป หลังได้รับอำนาจปกครองตนเองเพิ่มขึ้นในปี 2001 โดยก่อนหน้านี้ได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายห้ามการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนัน การปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน รวมไปถึงการแสดงความรัก เช่น การสัมผัสหรือจุมพิต ระหว่างบุคคลที่ไม่ใช่สามีภรรยากัน

กฎหมายใหม่ซึ่งกำลังจะมีผลบังคับใช้ยังกำหนดโทษเฆี่ยน 100 ครั้งสำหรับบุคคลที่ “คบชู้” ส่วนผู้ที่กล่าวหาคนอื่นว่าคบชู้โดยไม่มีหลักฐานจะมีโทษเฆี่ยน 80 ครั้ง

ทั้งนี้ การเฆี่ยนในอาเจะห์มักจะใช้ไม้ที่ยาวและเรียวบาง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้กระทำผิดรู้สึกอับอายมากกว่าความเจ็บปวดทางกาย และหากไม่ต้องการถูกโบยก็จะต้องเสียค่าปรับเป็นทองคำ หรือรับโทษจำคุกแทน

อิสมาอีล ฮาซานี นักเคลื่อนไหวจากสถาบันเพื่อประชาธิปไตยและสันติภาพเซตารา (Setara Institute for Democracy and Peace) วิจารณ์กฎหมายใหม่ของอาเจะห์ว่า “ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม และขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ”

“รัฐบาลไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับการใช้ชีวิตส่วนตัวของประชาชน แต่ควรมีนโยบายรับรองสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองมากกว่า” เขากล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น