xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus:เกมพลิก! “จัสติน ทรูโด” คว้าชัยศึกเลือกตั้งแคนาดาแบบหักปากกาเซียน ประกาศตั้งรบ.ใหม่สร้าง “ความเปลี่ยนแปลง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผลการเลือกตั้งทั่วไปในแคนาดา ซึ่งเป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีทรัพยากรธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์และมีขนาดเนื้อที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา จบลงแบบล็อกถล่มและหักปากกาเซียน โดยเฉพาะบรรดาเกจินักวิเคราะห์ทางการเมืองผู้มีความเจนจัดของสื่อสำนักต่าง ๆ

ผลการเลือกตั้งที่ออกมาปรากฏว่า จัสติน ปิแอร์ เจมส์ ทรูโด ในวัยเพียง 43 ปีในฐานะหัวหน้าพรรคลิเบอรัลส์ สามารถแซงหน้าคว้าชัยได้แบบเหนือความคาดหมายแทนที่ “เต็งจ๋า” อย่างนายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์ ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกยกให้เป็นผู้ที่จะ “คว้าชัยแบบนอนมา”

จัสติน ทรูโด ผู้ที่กลายเป็นขวัญใจของสาวน้อยสาวใหญ่ และบรรดาเก้งกวางทั่วแคนาดาจากใบหน้าที่หล่อเหลา และวาทศิลป์ที่เป็นเลิศในยามแสดงวิสัยทัศน์ คือ ผู้สมัครเพียงไม่กี่รายในเวทีการเมืองแคนาดาในรอบหลายปีมานี้ ที่กล้าประกาศคำมั่นสัญญาที่จะสร้าง “ความเปลี่ยนแปลง” ในยุคที่ชาวแคนาดาส่วนใหญ่ยังคงพึงพอใจกับภาวะทางเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยม และสถานะของประเทศตนที่ไม่เป็นสองรองใครในเวทีโลกในช่วงการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์ที่เป็นฝ่ายคว้าชัยมาตลอดในศึกเลือกตั้งใหญ่ของแคนาดาในสองครั้งก่อนหน้านี้

รายงานข่าวระบุว่า ทรูโดมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ ตลอดช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง และนั่นก็มากพอที่จะผลักดันให้เขาและลูกพรรค คว้าชัยชนะแบบพลิกล็อกในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวเขาได้ก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา และถือเป็นการเดินตามรอยบิดา คือ ปิแอร์ ทรูโด ที่เคยนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้มาแล้วในอดีต

ทรูโด สามารถนำพาพรรคลิเบอรัลส์ กวาดที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรแคนาดาได้มากถึง 184 ที่นั่ง จากทั้งหมด 338 ที่นั่ง ซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และส่งผลให้พรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่กุมอำนาจมายาวนานต้องยอมรับสภาพกลายเป็นฝ่ายค้านในชั่วข้ามคืน

การคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปหนนี้ ของจัสติน ทรูโดและพรรคลิเบอรัลส์จึงถือเป็นการ “รูดม่านปิดฉาก” การครองอำนาจของพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่เป็นฝ่ายผูกขาดได้ครองอำนาจปกครองแคนาดา มายาวนานเกือบ 1 ทศวรรษ

ในความเป็นจริงแล้ว หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้ ไม่ต่างจากเป็นการจัดลงประชามติของประชาชนชาวแคนาดาว่า ต้องการให้รัฐบาลสายอนุรักษนิยมของนายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์ได้ครองอำนาจต่อไปหรือไม่ เพราะถึงแม้ฮาร์เปอร์จะได้เครดิตไปแบบเต็ม ๆ จากการเป็นผู้พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความรุ่งเรืองได้อีกครั้ง หลังจากที่เศรษฐกิจของแคนาดาต้องวนเวียนอยู่ในช่วงเวลาแห่งความซบเซาต่อเนื่องมายาวนาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชาวแคนาดาจำนวนมากเริ่ม “ตั้งคำถามในใจ” ว่า ประเทศชาติอันเป็นที่รักของพวกเขาจะสามารถดีขึ้นกว่านี้ได้อีกหรือไม่ หากพวกเขาอ้าแขนรับ “ตัวเลือกใหม่” ที่กล้าเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมให้เกิดขึ้น

หนึ่งในนโยบายโดนใจที่ว่ากันว่า ช่วยส่งให้ม้านอกสายตาอย่างจัสติน ทรูโด ก้าวมาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ในท้ายที่สุด คือ นโยบายที่เขาประกาศระหว่างการหาเสียงว่า จะเดินหน้าขึ้นภาษีแก่บรรดาคนร่ำรวยและปรับลดภาษีแก่ชนชั้นกลาง ที่เป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ ตลอดจน นโยบายกระตุ้นแบบเศรษฐกิจแคนาดาแบบขนานใหญ่ของทรูโดผ่านการตั้งงบประมาณแผ่นดินแบบ “ขาดดุล” ปีละราว 10,000 ล้านแคเนเดียนดอลลาร์ เป็นเวลาต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในมหาอำนาจด้านทรัพยากรแร่ธาตุ และพลังงานของโลก


นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดายังประกาศจะรับรอง “กัญชา” ให้เป็นสารเสพติดที่ถูกกฎหมาย และประกาศจะเดินหน้ารับผู้อพยพลี้ภัยสงครามกลางเมืองจากซีเรียจำนวนหลายพันคน ซึ่งถือเป็นนโยบายด้านสังคมที่โดนใจผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวแคนาดาไม่น้อย

แต่ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ คือ การที่นายกรัฐมนตรีใหม่ถอดด้ามอย่างทรูโด ประกาศถอนทหารแคนาดาทั้งหมดออกจากปฏิบัติการต่อสู้กับกลุ่มนักรบญิฮัดรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย และจะหันไปทุ่มเทกับการมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาคมโลกด้านสิทธิมนุษยชนและการรักษาสันติภาพแทน




ทั้งนี้ จัสติน ทรูโดเพิ่งได้รับเลือกให้ก้าวขึ้นมารับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคลิเบอรัลส์ เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่หัวหน้าพรรค 2 รายก่อนหน้านี้ล้มเหลว ไม่สามารถโค่นอำนาจของนายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์ได้ในการเลือกตั้งปี 2008 และ 2011


อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า จัสติน ทรูโด ผู้สร้างปรากฏการณ์ “ทรูโดมาเนีย” และถูกตั้งข้อครหาจากฝ่ายตรงข้ามว่า อาจมีดีแค่เพียงหน้าตา ยังคงต้องเร่งพิสูจน์ตัวเองด้วยการสร้างผลงานและแปรเปลี่ยนนโยบายตอนหาเสียงให้ออกมาเป็นผลงานที่จับต้องได้ เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับว่า ตัวเขาคู่ควรแล้วกับการนายกรัฐมนตรีที่ได้ชื่อว่า มีอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์การเมืองของแคนาดา และพิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์ว่า เขาเป็นรัฐบุรุษที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงและนำแคนาดาไปสู่ “สิ่งที่ดีกว่า”






กำลังโหลดความคิดเห็น