เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - วอร์เร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกัน ชี้นางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มี “โอกาสที่ดี” ในการคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016
วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ ซีอีโอวัย 84 ปีแห่งบริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ผู้ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ทรงอิทธิพลและประสบความสำเร็จที่สุดของโลก กล่าวระหว่างเข้าร่วมงานเสวนาเกี่ยวกับบทบาทของสตรีที่จัดโดยนิตยสารฟอร์จูนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยระบุนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 อดีตสมาชิกวุฒิสภามลรัฐนิวยอร์กและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีโอกาสที่ดีในการคว้าตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต และคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งผู้นำเมืองลุงแซมปี 2016 ซึ่งจะส่งผลให้เธอสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นสตรีคนแรกที่ได้ก้าวสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ
บัฟเฟตต์ฟันธงว่า นางคลินตันในวัย 67 ปีจะเป็นผู้ชนะในการชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตอย่างแน่นอน และมีโอกาสที่ดีมากในการก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเมืองลุงแซม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนชื่อก้องโลกรายนี้ยังชี้ถึงความแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ภายในพรรครีพับลิกันเวลานี้ ระหว่างพวกนักการเมืองหัวอนุรักษ์กับพวกนักการเมืองขวาจัดว่า เป็นตัวการสำคัญที่บั่นทอนความเข้มแข็งและความนิยมของพรรครีพับลิกัน ให้อ่อนด้อยกว่าพรรคเดโมแครตในเวลานี้ และจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รีพับลิกันประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ไม่ว่าตัวแทนพรรคจะเป็นใครก็ตาม
รายงานข่าวระบุว่า นี่ถือเป็นความเคลื่อนไหวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนของวอร์เร็น บัฟเฟตต์ ซึ่งแทบไม่ปรากฏตัวผ่านสื่อใดๆ เลยนับตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของกูรูด้านการลงทุนรายนี้
ครั้งล่าสุดที่บัฟเฟตต์มีความเคลื่อนไหวปรากฏผ่านสื่อ คือ เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งบัฟเฟตต์กล่าวในเวทีเสวนาด้านการศึกษาที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเนบราสกา โอมาฮา (ยูเอ็นโอ) โดยระบุว่าการลงทุนที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด และได้ผลกำไรเยอะที่สุด คือ การลงทุนในตัวของคุณเอง
บัฟเฟตต์ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครอง คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 68,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว “2.3 ล้านล้านบาท” ระบุว่า การลงทุนในตัวเองที่เขาหมายความถึงนี้ก็คือ การมอบการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่อยู่ภายในห้องเรียน หรือความรู้ที่อยู่ในโลกกว้างนอกเหนือจากในตำรา
“การลงทุนเพื่อเปิดโลกทัศน์และแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ตัวเองอยู่เสมอ ทั้งในและนอกห้องเรียน ถือเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดและให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากที่สุด ผมขอยืนยันว่าไม่มีหุ้นตัวไหนที่น่าช้อนซื้อเก็บเอาไว้ มากไปกว่าหุ้นที่มีชื่อว่า “การศึกษา” อีกแล้ว และไอ้หุ้นตัวที่ชื่อว่าการศึกษานี้ถือเป็นหุ้นแบบปลอดภาษีเพียงตัวเดียวในโลก เพราะเป็นหุ้นที่คุณถือครองตลอดชีพได้โดยไม่ต้องถูกหักภาษี แม้แต่บุคคลที่มีอำนาจล้นฝ่ามืออย่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยังสั่งรีดภาษีหุ้นตัวนี้ไปจากคุณไม่ได้” บัฟเฟตต์กล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
บัฟเฟตต์ระบุว่า การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นจะอาศัยแต่เพียง “พรสวรรค์” ที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดไม่ได้ แต่จะต้องอาศัย “พรแสวง” นั่นคือการหาทางเพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ตัวเองอยู่เสมอ และว่าบรรดานักลงทุนที่มีการเติบโตของ “พอร์ต” ในอัตราสูง ไม่ถือว่าเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ตราบใดที่นักลงทุนผู้นั้นยังไม่รู้จักแสวงหาความรู้-ความสามารถใหม่ๆมาเพิ่มพูนให้กับตัวเอง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนปีที่แล้ว บัฟเฟตต์ได้เปิดใจระหว่างให้การต้อนรับผู้ถือหุ้นจากนครชิคาโก ณ บ้านพักของเขาในเมืองโอมาฮา มลรัฐเนบราสกา โดยบัฟเฟตต์ระบุเคล็ดลับการสร้างความสุขในชีวิตของเขา คือ การใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอดี และต้องตัดทิ้งความรู้สึกที่ว่า “อยากรวยมากยิ่งขึ้น” ให้หมดสิ้น
โดยในครั้งนั้น บัฟเฟตต์กล่าวต่อผู้ถือหุ้นเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ โดยระบุว่าโลกของเราจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่หาก บรรดา “คนรวย” ไม่รู้จักพอ และยังคงแสวงหาช่องทางในการสร้างความมั่งคั่งเพิ่มเติมให้แก่ตัวเองไม่รู้จักจบสิ้น
ผู้บริหารสูงสุดแห่งเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์รายนี้ยังระบุด้วยว่า การมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มิได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะต้องใช้จ่ายให้มาก เพื่อให้สมกับฐานะทางเศรษฐกิจของตน พร้อมยืนยัน “เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้”
“ในความเป็นจริงแล้ว ผมเชื่อว่ามนุษย์เราต้องการเพียงแค่การมีบ้านที่ดีสักหลังหนึ่ง การมีสุขภาพที่ดี มีอาหารที่ดี รวมถึงการมียานพาหนะที่ดีสักคันหนึ่งก็เพียงพอแล้ว อย่างในกรณีของผม ผมก็ต้องการเพียงเท่านี้เช่นกัน ผมขอยืนยันว่าตัวเองไม่เคยมีความคิดที่จะมีบ้านหลังใหญ่สัก 6 หรือ 8 หลัง เพราะมันจะทำให้ชีวิตผมมีความสุขน้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการที่ผมมีบ้านที่ดีเพียงแค่หลังเดียว” บัฟเฟตต์กล่าว