รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งซ้อนในพื้นที่เขต “ฟาร์นอร์ธ” ทางภาคเหนือของแคเมอรูนในวันอาทิตย์ (11 ต.ค.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหารในพื้นที่
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพแคเมอรูนระบุว่า เหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายทั้งสองครั้งล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองโมราของเขตฟาร์นอร์ธ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 10 ราย
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่ามือระเบิดฆ่าตัวตายทั้งสองรายที่ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ถูกรวมอยู่ในจำนวนผู้เสียชีวิตแล้วหรือไม่ ขณะที่แหล่งข่าวทางการทหารของแคเมอรูนบ่งชี้ว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง “โบโกฮารัม” ที่มีที่มั่นอยู่ในไนจีเรีย
ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน คือ ในวันเสาร์ (10 ต.ค.) เพิ่งเกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดอย่างน้อย 3 ครั้งที่ประเทศชาด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย และคาดว่ากลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์โบโกฮารัมจากไนจีเรียจะอยู่เบื้องหลังเช่นเดียวกัน
โดยรายงานข่าวระบุว่า ได้เกิดเหตุระเบิดอย่างน้อย 3 ครั้ง ในวันเสาร์ (10) ที่ตลาดแห่งหนึ่ง รวมถึงค่ายผู้อพยพในหมู่บ้านบากา โซลา ของชาด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพรมแดนไนจีเรีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย โดยที่แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของชาด เชื่อว่า กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์โบโกฮารัม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสถาปนาการปกครองแบบรัฐอิสลามสุดโต่งขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรียอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีระลอกล่าสุดนี้
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขที่แน่ชัดของจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีด้วยระเบิดทั้ง 3 ครั้งล่าสุด มีเพียงการออกมาเปิดเผยของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองชายแดนติดทะเลสาบชาดว่า มีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมากจากการโจมตีระลอกล่าสุดนี้
ทั้งนี้ นอกเหนือจากไนจีเรียแล้วบรรดาประเทศเพื่อนบ้านรายรอบทั้งแคเมอรูน ชาด เบนิน และไนเจอร์ ต่างได้รับผลกระทบจากการไหลล้นของความรุนแรงจากกลุ่มโบโกฮารัม ด้วยกันทั้งสิ้น
ขณะที่บรรดาประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโกฮารัมต่างพยายามผลักดันให้มีการจัดตั้งกองกำลังผสมระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเพื่อกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งนี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี กองกำลังผสมซึ่งมีกำลังทหารราว 8,700 นาย ต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการทำให้การจัดตั้งดำเนินไปอย่างล่าช้า แม้ทางประธานาธิบดี อิดริสส์ เดบี ผู้นำของชาดจะออกโรง ยืนยันว่าการจัดตั้งกองกำลังผสมดังกล่าวจะเสร็จสิ้นและสามารถลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจกวาดล้างกลุ่มโบโกฮารัมได้ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป