เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(30กย.) ผู้อพยพซีเรียร่วม 200 คนที่อาศัยอยู่ในเวนติมิเกลีย( Ventimiglia )อิตาลี ห่างพรมแดนฝรั่งเศสไปราว 100 ม. ถูกตำรวจแดนมักกะโรนีเข้ากวาดล้าง และมีการจับกุมตัวไว้จำนวนหลายสิบคน หลังตั้งข้อกล่าวหา แอบลักลอบใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาโดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหาล่าสุดของคลื่นผู้อพยพในยุโรป
ตำรวจอิตาลีเข้าปฎิบัติหน้าที่เคลื่อนย้ายเตนท์และสัมภาระของบรรดาผู้อพยพที่ปักหลักอยู่ในเวนติมิกลีย (Ventimiglia) อิตาลี ห่างพรมแดนฝรั่งเศสไปราว 100 ม.ในเวลาเช้าวันพุธ(30 กย.)
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(30 กย.)ว่า ตำรวจอิตาลีได้ดำเนินการจับกุมไป 12 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นผู้ร้ายชาวบอสเนียมีหมายจับกุมจากอินเตอร์โพล
สื่ออังกฤษรายงานว่า มีผู้ลี้ภัยราว 30 คน และนักเคลื่อนไหวจากองค์กรฝรั่งเศส the Democracy Association ที่มีฐานในเมืองนีซอีก 20 คน ร่วมทำการประท้วงใกล้กับแนวโขดหินติดทะเล หลังจากที่ได้รับการเตือนจากอิตาลีว่า จะส่งฝูงตำรวจปราบจลาจลเข้าเคลียร์พื้นที่
และในขณะที่ตำรวจแดนมักกะโรนีเข้าปฎิบัติหน้าที่ มีผู้ประท้วงบางคนประกาศที่จะกระโดดลงทะเล ในขณะที่คนอื่นๆถือป้ายว่า “เราต้องการเสรีภาพในการข้ามพรมแดน”
ด้าน เอริโก โลคูลาโน (Enrico Ioculano) นายกเทศมนตรีเมือง เวนติมิเกลีย ให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลีว่า “พวกนั้นต้องย้ายออกไป ซึ่งผมไม่แน่ใจในเวลานี้ว่า คนเหล่านั้นจะถูกส่งไปที่ไหน แต่ทว่าสถานการณ์แบบนี้จะดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว เราเข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องประท้วง แต่การตั้งเต็นท์ผู้อพยพอาศัยอยู่เช่นนั้นมันผิดกฎหมาย”
ซึ่งค่ายผู้อพยพที่โลคูลาโนพูดถึงนั้นมีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ถึง 250 คนนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ปราบจลาจลอิตาลีไม่ต่ำกว่า 100 นาย รวมไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ารื้อทำลายเต็นท์ที่ตั้งใต้ถนนยกระดับห่างจากฝั่งพรมแดนฝรั่งเศสไปเพียงแค่ 100 ม.ในเวลา 6.00 น.
ในขณะที่บางส่วนที่อาศัยอยู่ที่แห่งนี้ได้หลบหนีไปก่อนหน้าที่ตำรวจจะเข้าบุก โดยหลบไปอาศัยกับศูนย์ผู้อพยพบริเวณใกล้เคียงที่อยู่ภายใต้การจัดการขององค์การกาชาดอิตาลีแทน
ทั้งนี้ตำรวจอิตาลีได้ให้เหตุผลในการเข้าเคลียร์แค้มป์ผู้อพยพว่า เนื่องมาจากปัญหาความสะอาด และผู้อพยพเหล่านี้แอบลักลอบใช้ไฟฟ้าฟรี
สื่ออังกฤษรายงานว่า ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจ Giuseppe Maggese แถลงถึงการบุกกวาดล้างครั้งนี้ว่า “ศาลอิตาลีได้ออกคำสั่งให้เข้ารื้อถอนที่ตั้งผู้อพยพแห่งนี้ ซึ่งผู้อยู่อาศัยได้แอบลักลอบใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาโดยไม่ได้เสียเงิน และที่สำคัญยังก่อให้เกิดปัญหาด้านความสะอาด และรบกวนการใช้ชีวิตของประชาชนชาวอิตาลีในบริเวณนั้น ซึ่งเราจะต้องคืนพื้นที่กลับคืนสู่สาธารณะ”