ญี่ปุ่นเพิ่มการรักษาความปลอดภัย “สถานทูตทั่วโลก” หลังไอเอสออกคำขู่

เอเอฟพี - ญี่ปุ่นสั่งยกระดับการรักษาความปลอดภัยสถานทูตของตนทั่วโลก เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งเผยในวันนี้ (11 ก.ย.) หลังจากที่กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เน้นย้ำถึงภารกิจของพวกเขาในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา ในฐานะส่วนหนึ่งของการคุกคามในระดับที่กว้างขวางกว่าเดิม

ความเคลื่อนไหวดังกล่ามีขึ้นราว 8 เดือนหลังจากที่กลุ่มไอเอสอ้างว่าได้ตัดศีรษะตัวประกันชาวญี่ปุ่น 2 คนในซีเรียและท่ามกลางความกังวลภายในประเทศเรื่องการออกกฎหมายในเร็วๆ นี้ที่นักวิจารณ์กลัวว่าอาจชักนำประเทศใฝ่ตันติตามรัฐธรรมนูญแห่งนี้เข้าสู่สงครามในต่างแดน

ในนิตยสารออนไลน์ “Dabiq” ฉบับล่าสุดของกลุ่มไอเอส นักรบญิฮาดกลุ่มนี้ได้ออกคำเตือนต่อ “ประเทศนักรบศักดิ์สิทธิ์” 70 ประเทศ และ “กองทัพผู้ละทิ้งศาสนา”

“มีอะไรขัดขวางไม่ให้ (นักรบญิฮาด) พุ่งเป้าที่ชุมชนต่างๆ ในเมืองเดียร์บอร์นของรัฐมิชิแกน, เมืองลอสแอนเจลิส และมหานครนิวยอร์กอย่างนั้นหรือ? หรือมีอะไรที่ขัดขวางไม่ให้พุ่งเป้าที่สถานทูตปานามาในกรุงจาการ์จา, โดฮา และดูไบ รวมทั้งสถานทูตญี่ปุ่นในบอสเนีย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตลอดจนสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงตารานาของแอลเบเนีย, กรุงซาราเยโวของบอสเนีย และกรุงพริสตีนาของโคโซโว” นิตยสารเล่มนี้ระบุ

ในวันนี้ (11) โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นบอกกับผู้สื่อข่าวที่กรุงโตเกียวว่า จะมีการยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานทูตญี่ปุ่นเกือบ 200 แห่งทั่วโลก

“เราได้รับทราบถึงภัยคุกคามและกำลังเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้แน่นหนาขึ้นด้วยความร่วมมือกับประเทศเจ้าบ้าน” เขากล่าว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าได้มีการใช้มาตรการอะไร

เอริกะ นาคาโนะ โฆษกหญิงของสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงจาการ์ตา กล่าวว่า อาคารสถานทูตซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาอยู่แล้วมี “การรักษาปลอดภัยแน่นหนาอย่างยิ่ง” และงานของสถานทูตดำเนินอยู่ตามปกติ

“เราโอเคและเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตำรวจจาการ์ตา นั่นคือทั้งหมดที่ดิฉันสามารถบอกคุณได้” เธอตอบคำถามของเอเอฟพี

ในสัปดาห์หน้า รัฐสภาแดนอาทิตย์อุทัยคาดว่าจะผ่านร่างกฎหมายที่จะขยายบทบาทของกองทัพและอาจทำให้ได้เห็นกองทหารญี่ปุ่นร่วมการสู้รบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าญี่ปุ่นมีแผนที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารปราบปรามกลุ่มไอเอส

การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญฉบับใฝ่สันติภาพที่ถูกบังคับใช้โดยกองทัพสหรัฐฯ ที่เข้ามายึดครองประเทศนี้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สาธารณชนทั่วไป และจุดชนวนการประท้วงของคนหลายหมื่นคน ขณะที่นักวิจารณ์เตือนว่ามันอาจชักนำญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามในต่างแดน

ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในความขัดแย้งในตะวันออกกลางมาโดยตลอด และแทบไม่เคยได้รับผลกระทบจากลัทธิหัวรุนแรงทางศาสนาเลย