เอเอฟพี - ชาวอิหร่านส่วนใหญ่เห็นด้วยกับข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ที่รัฐบาลเตหะรานทำร่วมกับมหาอำนาจตะวันตก ทว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขา “เข้าใจผิด” คิดว่ามาตรการคว่ำบาตรจะถูกยกเลิก “ทั้งหมดและทันที” ที่มีการลงนาม ผลสำรวจซึ่งเผยแพร่วานนี้ (9 ก.ย.) ระบุ
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ ร่วมกับเว็บไซต์ IranPoll.com ซึ่งมีฐานที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา พบว่า ชาวอิหร่าน 76% เห็นด้วยกับการยินยอมให้นานาชาติเข้าไปตรวจสอบและควบคุมกิจกรรมนิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเงื่อนไขของข้อตกลงฉบับนี้ และคิดว่าการคว่ำบาตรจะถูกยกเลิกไปในเวลาอันรวดเร็ว
ในความเป็นจริงแล้ว สหรัฐฯ และชาติมหาอำนาจบางประเทศตกลงที่จะยกเลิกบทลงโทษอิหร่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์เท่านั้น ส่วนมาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้ด้วยเหตุผลอื่น เช่น การที่อิหร่านถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย หรือการแทรกแซงกิจการภายในภูมิภาคจะยังมีผลบังคับใช้ต่อไป แม้ผู้ตรวจสอบนานาชาติจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปสำรวจโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแล้วก็ตาม
ผลสำรวจพบว่า ชาวอิหร่าน 56% ที่ตอบแบบสอบถามยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารัฐบาลยินยอมที่จะจำกัดขอบเขตงานวิจัยด้านนิวเคลียร์ ขณะที่ 77% คิดว่าตะวันตกจะยอมเพิกถอนมาตรการคว่ำบาตรทันที โดยไม่ต้องรอตรวจสอบว่าอิหร่านปฏิบัติตามเงื่อนไขจริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน มีชาวอิหร่านจำนวนไม่น้อยที่คาดหวังว่าหลังจากนี้จะมีการนำเข้ายารักษาโรคและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าประเทศ ซึ่งจะช่วยให้อัตราการว่างงานลดลงได้ภายใน 1 ปี หลังจากที่มีการทำข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์
เอบราฮิม มอห์เซนี นักวิจัยจากศูนย์เพื่อการศึกษากิจการระหว่างประเทศและความมั่นคงในรัฐแมริแลนด์ (Center for International and Security Studies at Maryland - CISSM) ระบุว่า การที่ชาวอิหร่าน “คาดหวัง” ผลตอบแทนสูงเกินไปเช่นนี้จะทำให้พวกเขาต้องผิดหวังในที่สุด
“ความคาดหวังเหล่านี้อาจค่อยๆ ลดลง เมื่อคนอิหร่านมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐบาลได้ตกลงไว้กับมหาอำนาจ P5+1 (สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน, รัสเซีย บวกเยอรมนี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลของการทำข้อตกลงนิวเคลียร์ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”
ทีมงานของเว็บไซต์ IranPoll.com ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยอิสระในแคนาดา ได้โทรศัพท์สอบถามความคิดเห็นจากชาวอิหร่าน 1,000 คน ในช่วงวันที่ 8-18 ส.ค.ที่ผ่านมา
