เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมไว้โดยองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชี้ ตัวเลขของพลเรือนชาวเยเมนที่เสียชีวิตจากผลพวงของสงครามกลางเมืองภายในประเทศของตน ได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 2,112 ราย ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม จนถึงเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา
เซซิล ปูอิลลี โฆษกหญิงของสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกมาแถลงในวันอังคาร ( 1 ก.ย.) ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า นับตั้งแต่ที่ซาอุดีอาระเบียและบรรดาชาติพันธมิตรอาหรับฝ่ายสุหนี่แถบอ่าวเปอร์เซีย ได้ทำการเปิดการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏฮูตีส์ ซึ่งเป็นพวกมุสลิมนิกายชีอะห์ และมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับอิหร่าน เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมานั้น พบว่ามี “พลเรือน” ในเยเมนเสียชีวิตไปแล้ว 2,112 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 4,519 ราย
ข้อมูลที่รวบรวมไว้โดยองค์การสหประชาชาติระบุด้วยว่า เฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีพลเรือนเกือบ 100 รายที่ต้องสังเวยชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมากจากภาวะสงครามกลางเมืองในเยเมน โดยเฉพาะในพื้นที่ภายในเมืองตออิซและหัวเมืองโดยรอบซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของการสู้รบอย่างหนักหน่วงระหว่างกลุ่มกบฏฮูตีส์ที่มีอิหร่านหนุนหลัง กับกองกำลังที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอับด์ ราบบูห์ มันซูร์ ฮาดี ที่มีซาอุดีอาระเบียหนุนหลัง
โฆษกหญิงของสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายในสงครามกลางเมืองเยเมนยอมเปิดเส้นทางและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับยูเอ็น ตลอดจนองค์กรให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ ในการลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังพื้นที่สู้รบที่ยังมีประชาชนติดค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เยเมนได้กลายสภาพเป็นดินแดนแห่งความวุ่นวายเต็มรูปแบบตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังกลุ่มกบฏฮูตีส์ได้กรีฑาทัพเข้ายึดกรุงซานาเมืองหลวงของประเทศเอาไว้ได้ และตามติดมาด้วยการเข้ายึดเมืองท่าเอเดนส่งผลทำให้รัฐบาลของประธานาธิบดีฮาดี ต้องหลบหนีออกไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นอยู่ในเขตแดนของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้ซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับฝ่ายสุหนี่เปิดการโจมตีทางอากาศเพื่อหวังขับไล่กลุ่มกบฏชีอะห์ดังกล่าวตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
