ชาวออสเตรียหลายหมื่นชุมนุมหนุนดูแลผู้อพยพ เยอรมนีเตือนยุโรปล้มเหลวจัดการวิกฤต

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - มีประชาชนราว 20,000 คนเดินขบวนในกรุงเวียนนาของออสเตรียเมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) เพื่อประท้วงแสดงการต่อต้านการปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อผู้อพยพ หลังพบร่างไร้วิญญาณผู้ลี้ภัย 71 ศพ ในรถบรรทุกที่ถูกทิ้งไว้กลางถนนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อียูตกลงจัดประชุมวาระพิเศษรัฐมนตรีมหาดไทยวันที่ 14 ที่จะถึง เพื่อหาทางจัดการวิกฤตผู้อพยพครั้งรุนแรงที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กำลังทำให้ภายในยุโรปเองเกิดการแตกร้าวลึก

เหล่าผู้ประท้วงชุมนุมกันที่สถานีรถไฟเวสต์บาห์นฮอฟ ก่อนเดินขบวนไปตามถนนย่านช็อบปิ้งสำคัญ ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็มีการจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตที่มหาวิหารเซนต์สตีเฟน

การเดินขบวนและพิธีนี้มีขึ้นตามหลังการตรวจพบอันน่าตกตะลึงร่างผู้เสียชีวิตที่เชื่อว่าเป็นชาวซีเรีย 71 ราย ที่เริ่มเน่าเปื่อยในรถบรรทุกซึ่งติดป้ายทะเบียนฮังการีและจอดทิ้งบนมอเตอร์เวย์สายหนึ่งของออสเตรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอกย้ำอันตรายที่ผู้อพยพต้องเผชิญ

เจ้าหน้าที่ออสเตรียจับผู้ต้องสงสัยลักลอบขนผู้อพยพ 5 คน โดยเป็นชาวบัลแกเรีย 4 คน และอัฟกัน 1 คน ซึ่งอาจพัวพันกับกรณีรถบรรทุกผู้อพยพ 71 ราย ที่เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ยังพบผู้อพยพ 200 คน โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการตรวจค้นรถขนาดใหญ่ทุกคันซึ่งมีพื้นที่ซุกซ่อนคนที่เดินทางข้ามแดนทางฝั่งตะวันออกของประเทศ

การชุมนุมยังมีขึ้นไม่นานหลังจากเหล่าขบวนรถไฟจากกรุงบูดาเปสต์ซึ่งบรรทุกผู้อพยพหลายพันคน ได้เดินทางมาถึงสถานีเวสต์บาห์นฮอฟเมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) หลังพวกเขาถูกสกัดไว้ ณ ชายแดนของออสเตรียติดกับฮังการีนานหลายชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานจากสถานีว่า หลังเดินทางมาถึงผู้อพยพจำนวนมากก็ได้ขึ้นรถไฟขบวนหนึ่งต่อไปยังเมืองซาลส์บูร์ก ส่วยคนอื่นๆ ก็พากันปีนขึ้นรถไฟอีกขบวนมุ่งหน้าไปยังมิวนิก เมืองทางใต้ของเยอรมนี ท่ามกลางการจับตาของตำรวจที่ทำได้แค่เฝ้าสังเกตการณ์เท่านั้น

ขบวนรถไฟบรรทุกผู้อพยพเดินทางจากฮังการี ไปถึงออสเตรียและเยอรมนี สะท้อนถึงภาวะพังครืนของกฎระเบียบการลี้ภัยที่ถูกกดดันจากระลอกคลื่นผู้อพยพที่ไหล่บ่าเข้าสู่อียูอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

การไหลบ่าคราวนี้กลายเป็นวิกฤตของสหภาพยุโรป ที่ยกเลิกมาตรการควบคุมชายแดนในพื้นที่เชงเกน ภายใต้ข้อตกลงซึ่ง 26 ประเทศในโซนยุโรปทำร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสะดวกเอื้อประโยชน์ต่อพลเมืองของกลุ่มในการเดินทางระหว่างประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า รวมถึงผลประโยชน์ต่อธุรกิจและนักท่องเที่ยวด้วย แต่มันกลับกลายเป็นช่องโหว่ของการหลบเลี่ยงเข้าประเทศยุโรปโดยผิดกฎหมายมาช้านานและขณะนี้จากเส้นทางการลอบเข้ายุโรปของคลื่นผู้อพยพผิดกฎหมายอาจทำให้ข้อตกลงนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปิดช่องโหว่ในอนาคตอันใกล้นี้

ทั้งนี้ กฎของการขอลี้ภัยของผู้อพยพนั้นต้องทำเรื่องในประเทศแรกที่ตนเข้าเมืองได้ ในขณะที่ผู้อพยพที่เข้ามาทางเมดิเตอร์เรเนียนนั้นต้องผ่านเข้ากรีซ และอิตาลี ก่อนจึงต้องทำเรื่องที่นั่น แต่ทั้งสองประเทศประกาศว่าไม่สามารถรองรับคลื่นผู้อพยพมหาศาลได้ ภายใต้กฎเชงเกนทำให้คนเหล่านี้สามารถเดินทางขึ้นทางตอนเหนือของยุโรปอย่างเยอรมัน

“ขอบคุณพระเจ้าไม่มีใครขอดูพาสปอร์ต ไม่มีตำรวจ ไม่มีปัญหา” คาลิล วัย 33 ปี ครูสอนภาษาอังกฤษ จากเมืองโคบานีในีเรียบอกกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ณ สถานีรถไฟเวียนนา จุดที่ตำรวจได้แต่ยืนดูเหล่าผู้อพยพเร่งรีบขึ้นรถไฟขบวนต่างๆมุ่งหน้าสู่เยอรมนี

นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประเทศที่คาดหมายว่าต้องรองรับผู้ลี้ภัยราว 800,000 คนในปีนี้ บอกว่าวิกฤตอาจทำลายข้อตกลงเปิดเสรีชายแดนเชงเก้น หากประเทศอื่นๆในอียูไม่ยอมแบ่งปันผู้อพยพมากกว่าที่เป็นอยู่

“หากเราไม่ประสบผลสำเร็จในการแจกจ่ายผู้ลี้ภัยอย่างเป็นธรรม เมื่อนั้นแนวทางของเชงเก้นจะถูกตั้งคำถามจากคนจำนวนมาก” เธอแถลงข่าวในกรุงเบอร์ลิน “ขณะที่เรายืนหยัดเผชิญหน้าความท้าทายใหญ่หลวงระดับชาติ แต่มันยังมีความท้าทายในส่วนกลาง ซึ่งไม่ใช่แค่ไม่กี่วันหรือกี่เดือน ทว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน”

ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามุมมองของเธอจะสามารถโน้มน้าวใจเหล่าคณะมนตรีมหาดไทยอียูที่เตรียมจัดประชุมวาระพิเศษวันที่ 14 ที่จะถึง เพื่อหาทางจัดการวิกฤตผู้อพยพครั้งรุนแรงที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กำลังทำให้ภายในยุโรปเองเกิดการแตกร้าวอย่างล้ำลึก ขณะที่อังกฤษที่อยู่นอกเขตเชงเก้น บอกว่าระบบชายแดนเสรี เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ส่วนกลุ่มประเทศแถบตอนกลางของยุโรปก็มีแผนต่อต้านการแบ่งโควตาผูกมัดใดๆ