ผู้ว่าฯเผยมือปืนยิงนักข่าวออกอากาศสดในสหรัฐฯ มีแผนก่อเหตุนองเลือดยิ่งกว่านี้

เอเอฟพี - มือปืนที่ยิงนักข่าวและตากล้องของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งของสหรัฐฯที่ตนเองเคยทำงานอยู่ เสียชีวิตคาที่ระหว่างออกอากาศสดเมื่อวันพุธ (26 ส.ค.) ชัดเจนว่ามีความตั้งใจก่อเหตุความรุนแรงยิ่งกว่านี้ ก่อนที่เขาลงมือปลิดชีพตนเอง จากการเปิดเผยของผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียในวันศุกร์(28ส.ค.)

ทอร์รี แมคออลีฟฟ์ ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย เดินทางเยี่ยมสตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ WDBJ ในเมืองโรอาโนคเมื่อวันศุกร์(28ส.ค.) หรือ 2 วันหลังจากนายเวสเตอร์ ลี ฟลานาแกน วัย 41 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไบรซ์ วิลเลียม ก่อเหตุสยองขวัญจ่อยิงอลิสัน พาร์คเกอร์ ผู้สื่อข่าวสาววัย 24 ปี และ อดัม วอร์ด ตากล้องวัย 27 ปี ขณะที่กำลังสัมภาษณ์สดแหล่งข่าวรายหนึ่ง

ฟลานาแกน ซึ่งเคยเป็นผู้สื่อข่าวของ WDBJ แต่ถูกไล่ออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ตัดสินใจยิงตัวตายตามไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ระหว่างขับรถที่เช่ามาหนีการติดตามของตำรวจบนทางหลวงของมลรัฐเวอร์จิเนีย และตำรวจเผยว่ามือปืนรายนี้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

"เราเพิ่งทราบวันนี้ว่าบุคคลรายนี้มีกระสุนจำนวนมากและเราเชื่อว่าเขามีเจตนาทำร้ายผู้คนมากกว่านี้" แมคออลีฟฟ์บอกกับผู้สื่อข่าวจากบริเวณด้านนอกของสตูดิโอหลังเสร็จสิ้นการเยี่ยมพนักงาน "แน่นอนว่าเราไม่สามารถล้วงลึกเข้าไปในจิตใจเขาได้และค้นหาว่าเขากำลังวางแผนทำอะไร แต่ชัดเจนว่าเขามีเจตนาร้ายบางอย่าง"

เจ้าหน้าที่เผยว่านายฟลานาแกน ใช้ปืนสั้นกล็อค ที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากร้านขายปืนแห่งนึ่งในเวอร์จิเนีย ลงมือสังหารพาร์คเกอร์และวอร์ด ส่วนแหล่งข่าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หอการค้าท้องถิ่นได้รับบาดเจ็บ

ในหมายค้นของตำรวจมลรัฐเวอร์จิเรียที่เผยแพร่ในตอนค่ำวันพฤหัสบดี(27ส.ค.) ระบุว่าภายในรถยนต์ของเขาซึ่งประสบอุบัติเหตุระหว่างถูกไล่ล่า เจ้าหน้าที่พบปืนกล็อค แม็กกาซีน 6 นัด บันทึกสิ่งที่ต้องทำและจดหมายประทับตราไปรษณีย์ 17 ฉบับ เช่นเดียวกับกระเป๋าหิ้วที่บรรจุสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นป้ายทะเบียน 3 ป้าย วิกผมและผ้าคลุม ทว่าในบันทึกสิ่งที่ต้องทำ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่ามีเนื้อหาอย่างไรบ้าง

เหตุสังหารโหดคราวนี้กระพือการโต้เถียงรอบใหม่เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนในอเมริกา ดินแดนที่การครอบครองและพกอาวุธปืนเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ดี แม้มีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กลับลังเลที่จะสนับสนุนกฎหมายที่ควบคุมการเข้าถึงปืนเข้มงวดขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากไม่อยากขัดใจกลุ่มผู้สนับสนุนของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มล็อบบี้ทรงอิทธิพลที่ยืนหยัดปกป้องสิทธิ์ในการพกพาอาวุธอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ