ตร.เกาหลีใต้ขวางนักเคลื่อนไหวทำกิจกรรมปล่อย “ใบปลิวต้านโสมแดง”

เอเอฟพี - ตำรวจเกาหลีใต้ได้ขัดขวางกลุ่มนักเคลื่อนไหวไม่ให้ทำการปล่อยลูกโป่งติดใบปลิวต่อต้านเกาหลีเหนือข้ามพรมแดนที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ท่ามกลางความตึงเครียดทางทหารที่เพิ่มสูงขึ้นในคาบสมุทรที่ถูกแบ่งแยกเป็นสองส่วนแห่งนี้

ตำรวจราว 100 คนได้ตั้งแถวเป็นกำแพงมนุษย์ขวางไม่ให้ขบวนรถยนต์ที่บรรทุกนักเคลื่อนไหวราว 30 คนมุ่งหน้าไปยังเมืองชายแดนปาจู ที่ซึ่งพวกเขามีแผนที่จะปล่อยลูกโป่งฮีเลียมติดใบปลิวข้ามไปยังเกาหลีเหนือ

ใบปลิวดังกล่าววิพากษ์วิจารณ์และล้อเลียนตระกูลคิมของเกาหลีเหนือและประณามกรณีที่สมาชิกของหน่วยตรวจการณ์ชายแดนของเกาหลีใต้ 2 คนถูกโจมตีด้วยกับระเบิดจนเป็นเหตุให้พิการซึ่งโทษกันว่าเป็นฝีมือของเปียงยาง

เกาหลีใต้ประกาศกร้าวว่าโสมแดงจะต้องชดใช้อย่างสาสมสำหรับการโจมตีดังกล่าว และในสัปดาห์นี้พวกเขาได้กลับมาใช้ข้อความโฆษณาชวนเชื่อกระจายเสียงผ่านลำโพงกำลังขับสูงตามแนวพรมแดนเข้าสู่เกาหลีเหนืออีกครั้ง หลังจากหยุดมานานร่วมสิบปี

โซลยังประกาศด้วยว่า การซ้อมรบอาวุธหนักและการซ้อมรบกระสุนจริงกับสหรัฐฯ จะมีขึ้นไม่ไกลจากแนวพรมแดนดังกล่าว

เหตุระเบิดของกับระเบิดดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดข้ามพรมแดนกำลังเดือดระอุอยู่แล้วก่อนหน้าการซ้อมรบของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ นาน 2 สัปดาห์ซึ่งจะจำลองการรุกรานโดยเกาหลีเหนือ

เมื่อวานนี้ (13) เกาหลีเหนือประณามการซ้อมรบประจำปี “Ulchi Freedom” ว่าเป็นการประกาศสงคราม และเตือนว่าพวกเขาสามารถที่จะโจมตีโซลและทำเนียบขาวได้

ถึงแม้ว่าจะมีความตึงเครียดข้ามพรมแดนเพิ่มสูงขึ้น แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านเกาหลีเหนือซึ่งถูกผลักดันกลับมาจากเมืองปาจูกล่าวว่า กิจกรรมปล่อยลูกโป่งควรได้รับอนุญาต

“เกาหลีเหนือสมควรได้รับการลงโทษอย่างไร้ความปรานีสำหรับการวางกับระเบิดครั้งนั้น” ชาย วุน-วุน แกนนำนักเคลื่อนไหว บอกกับผู้สื่อข่าว

ปาร์ค ซัง-ฮัค ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มผู้แปรพักตร์ที่มีชื่อเรียกกันว่า “นักรบเพื่อปลดแอกเกาหลีเหนือ” อ้างว่า พวกเขาปล่อยใบปลิวไปได้ 200,000 ใบเมื่อช่วงก่อนหน้าในวันดังกล่าวทางตะวันออกของเมืองปาจู ปฏิบัติการซึ่งไม่ได้มีการประกาศแจ้งล่วงหน้า

เปียงยางประณามกิจกรรมดังกล่าวมานานและขู่ด้วยว่าจะยิงปืนใหญ่ใส่สถานที่ปล่อยเพื่อเป็นการตอบโต้ ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วกองกำลังรักษาชายแดนของเกาหลีเหนือพยายามที่จะยิงลูกโป่งฮีเลียมบางลูกให้ตกลงมา ก่อให้เกิดการยิงปืนกลหนักแลกเปลี่ยนกันระหว่างสองฝ่ายอยู่ช่วงระยะหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวได้ทำให้แผนรื้อฟื้นการเจรจาระดับสูงต้องพังลง