เอเอฟพี - เกิดเหตุสองมือปืนบุกโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครอิสตันบูล เมืองใหญ่อันดับ 1 ของตุรกี เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (10 ส.ค.) ขณะที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งก็ถูกคนร้ายนำรถบรรทุกระเบิดไปถล่มในเวลาไล่เลี่ยกัน บ่งบอกถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่ยิ่งทวีความรุนแรงนับตั้งแต่กองทัพตุรกีฉีกสัญญาหยุดยิงและเปิดศึกกวาดล้างกองกำลังชาวเคิร์ด
สำนักข่าวอนาโตเลียรายงานว่า คนร้ายขับรถบรรทุกระเบิดไปโจมตีสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเขตสุลต่านเบย์ลีซึ่งอยู่ในฝั่งทวีปเอเชีย เมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวม 10 คน โดยเป็นตำรวจ 3 นาย จากนั้นก็เกิดการยิงปะทะระหว่างตำรวจและกลุ่มติดอาวุธตลอดทั้งคืน
ในช่วงเช้ามีรายงานกลุ่มติดอาวุธถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมไป 2 ราย แต่ยังไม่ทราบแน่ว่าสังกัดขั้วการเมืองไหน ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นทีวีระบุว่ามีตำรวจถูกยิงเสียชีวิตด้วย 1 นาย ทว่ายังไม่มีคำยืนยันจากทางการ
ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้ามืดวันนี้ (10) ก็มีกลุ่มมือปืน 2 คนก่อเหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเขตอิสตินเย ชานนครอิสตันบูล ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ช่องแคบบอสฟอรัส
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงตุรกีออกปฏิบัติการไล่ล่าสองคนร้าย หนึ่งในนั้นถูกจับกุมได้ในสภาพบาดเจ็บและพบว่าเป็น “ผู้หญิง” ทั้งนี้ ทั้งทางการและสื่อตุรกียังไม่ระบุแน่ชัดว่าเหตุวินาศกรรมอุกอาจครั้งนี้เป็นฝีมือกลุ่มใด แต่มันเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลอังการากำลังไล่บี้กลุ่มนักรบพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (พีเคเค) ซึ่งมีอยู่ทั้งในตุรกี และภาคเหนือของอิรัก
รัฐบาลตุรกีอ้างว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศมีวัตถุประสงค์เพื่อกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ด้วย แต่ผู้สังเกตการณ์ชี้ว่าตุรกีกำลังพุ่งเป้าไปที่กลุ่มพีเคเคมากกว่า โดยตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานักรบพีเคเคได้สังหารตำรวจและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงตุรกีไปแล้วกว่า 20 นาย เพื่อแก้แค้นที่พรรคพวกของตนถูกเครื่องบินรบตุรกีถล่ม
สำนักข่าวอนาโตเลีย สื่อของรัฐบาลอังการารายงานว่า ปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพตุรกีในช่วงสุดสัปดาห์สามารถสังหาร “กลุ่มก่อการร้าย” ไปได้ 390 คน ทั้งในเขตแดนตุรกีและภาคเหนือของอิรัก และทำให้พวกนั้นบาดเจ็บอีกราว 400 คน
การต่อสู้ที่ยาวนานกว่า 30 ปีของกลุ่มพีเคเคซึ่งต้องการเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดในตุรกี ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปแล้วหลายหมื่นคน
รัฐบาลตุรกี สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ประกาศให้พีเคเคเป็น “องค์กรก่อการร้าย” แต่ถึงกระนั้นพันธมิตรของตุรกีในยุโรปก็ยังเตือนให้อังการาใช้ความอดกลั้นในการปราบปราม