เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - Hitchbot หุ่นกระป๋องนักโบกสัญชาติแคนาเดียนภายใต้โปรเจกต์สังคม “ทดสอบน้ำใจมนุษย์” ภายใต้การริเริ่มของมหาวิทยาลัย 2 แห่งในแคนาดา เพื่อสังเกตพฤติกรรมของผู้คนด้านสังคมศาสตร์ ต้องมีอันสิ้นสุดการเดินทางในวันหยุดที่ผ่านมา หลังจากถูกพบว่าหุ่นกระป๋องนักโบกถูกมือมืดทำร้าย บั่นคอ และแยกชิ้นส่วนร่างกาย ก่อนที่จะถูกหมกไว้บริเวณข้างทางในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย ทำให้ต้องสิ้นสุดการเดินทางข้ามทวีปแคนาดา สหรัฐฯ เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ไปอย่างน่าเสียดาย
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานเมื่อวานนี้(3)ว่า Hitchbot สัญชาติแคนาเดียน ภายใต้การดูแลของหัวหน้าทีมโปรเจกต์ 2 คน ประกอบไป ดร.เดวิด สมิธ (Dr. David Smith ) ประจำมหาวิทยาลัยแม็คมาสเตอร์ ( McMaster University ) และดร. เฟราเค เซลเลอร์ (Dr. Frauke Zeller) ประจำมหาวิทยาลัยไรเออร์สัน และกลุ่มผู้สนับสนุนเป็นนักศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก และต่างสาขาอีกถึง 14 คน ต้องสิ้นสุดการผจญภัยข้ามทวีป หลังถูกมือลึกลับทำลาย และแยกชิ้นส่วนที่ข้างถนนในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย ในช่วงสุดสัปดาห์ไปอย่างน่าเสียดาย
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ทีมเบื้องหลังผู้สร้างหุ่นกระป๋องนักโบกที่มีความสามารถในการพูดคุย ทวีตข้อความ ยกเว้นการเคลื่อนไหวด้วย 2 ขาของตนเองนั้นต่างเชื่อมั่นว่าโครงการชิ้นนี้เป็นโปรเจกต์ทดสอบมนุษย์ทางภาคสังคมได้อย่างจริงจัง ซึ่งHitchbot ได้เดินทางข้ามทวีปในแคนาดา สหรัฐฯ เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ โดยอาศัยน้ำใจของเพื่อนมนุษย์นักขับตามเส้นทางที่หุ่นตัวนี้รอโบกรถอยู่!
และโปรเจกต์จาก 2มหาวิทยาลัยชั้นนำของแคนาดายังทำให้สื่อสหรัฐฯถึงกับตั้งคำถามว่า “นอกจากคำถามที่มักกล่าวว่ามนุษย์จะสามารถไว้ใจหุ่นยนต์ได้จริงหรือไม่” แต่ในทางกลับกันในกรณีนี้ เราต้อถามกลับว่า “แล้วหุ่นยนต์จะไว้ใจมนุษย์ได้มากน้อยเพียงใด”
ซึ่งได้รับคำตอบในวันเสาร์ที่ผ่านมาล่าสุด ซึ่งมีการพบว่า หุ่นกระป๋องนักโบกโดนชายนิรนามในเมืองฟิลาเดลเฟียทำลาย และแยกชิ้นส่วนจนใช้การไม่ได้หลังจากที่เขาพบหุ่นกระป๋องนั่งคอยนักขับอยู่ข้างทางในยามค่ำคืน
วอชิงตันโพสต์รายงานต่อว่า กระป๋องนักโบกสามารถเดินทางข้ามเยอรมัน และไปต่อที่เนเธอร์แลนด์ และเดินทางร่วม 3,600 ไมล์ข้ามแคนาดาโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และในเริ่มต้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในสหรัฐฯด้วยระยะทาง 300 ไมล์ ที่ Hitchbot ถูกมือมืดทำร้ายในค่ำวันเสาร์(1)ข้างถนนในเมืองฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นการทำลายที่ทางผู้สร้างไม่อาจซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้
“บางครั้งเหตุการณ์ร้ายมักเกิดขึ้นกับหุ่นยนต์ดีๆตัวหนึ่งได้” Hitchbot ทวีตตัดพ้อเชิงปรัชญาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่ร่างกายของมันที่ถูกแยกชิ้นส่วน และHitchbot ที่มีร่างกายสีฟ้าสวมรองเท้าบูตสีเหลืองมะนาวพร้อมถุงมือสีเดียวกันยังทวีตต่อไปว่า “การผจญภัยของผมคงต้องสิ้นสุดลงแล้ว แต่ความรักในมนุษยชาติจะยังคงอยู่ต่อไป”
สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมโดยอ้างอิงจากการรายงานของเอพีว่า บรรดาผู้สร้างได้รับงภาพความเสียหายของ Hitchbot ที่ถูกทิ้งไว้บริเวณข้างทางที่มีขยะรายล้อม ในสภาพที่มือทั้งสองข้างถูกดึงออกมาจากลำตัวที่ทำมาจากถังเบียร์ และมีกล่องพลาสติกเค็กใสที่เป็นเสมือนกระโหลกแก้วของกระป๋องนักโบกตกอยู่ แต่ทว่า สิ่งที่เป็นเสมือนมันสมองนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซึ่งคนเหล่านั้นตัดสินใจที่จะไม่เผยแพร่ภาพความเสียหายของหุ่นนักโบกต่อเพราะอาจเกรงกระทบต่อความรู้สึกของแฟนคลับทั่วโลกของ Hitchbot
แต่ทว่า ภาพโหดร้ายที่ถูกกระทำนั้นได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณะโดยแอนเดรีย เคอร์เตียส (Andrea Courtois) บรรณาธิการประจำBoston WBZ-TV ซึ่งภาพความเสียหายนี้ได้รับการยืนยันจากทีมผู้สร้างว่าเป็นภาพเดียวกันที่พวกเขาได้รับ
ทั้งนี้ทีมผู้สร้างชาวแคนาดากล่าวว่า พวกเขาไม่สามารถติดตามร่องรอยของหุ่นตัวนี้ได้เพราะหุ่นตัวนี้ไม่มีแบตเตอร์รีเหลืออยู่แล้ว
และในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Hitchbot ทางทีมผู้สร้างประกาศว่า ต้องการรายละเอียดข้อมูลการเสียหายอย่างครอบคลุมก่อนวันพุธ(5) ซึ่งทางทีมงานไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ และเหตุผลในการทำลายหุ่นกระป๋องตัวนี้ และอีกทั้งยังไม่ต้องการลงมือสืบหา หรือการแจ้งความเอาเรื่องเพื่อรับผิด
เพราะในขณะนี้ทางทีมผู้สร้างต้องการมุ่งประเด็นในคำถามที่ว่า “แล้วเราเรียนรู้อะไรบ้างจากเหตุการณ์นี้”
วอชิงตันโพสต์รายงานเพิ่มเติมว่า Hitchbot ใช้เวลาทั้งหมด 2สัปดาห์ในการเดินทางข้ามทวีปโดยมีจุดเริ่มต้นในวันที่ 17 กรกฎาคม 2015 ที่มาร์เบิลเฮด (Marblehead) รัฐแมสซาชูเซต ด้วยการรอข้างถนนที่ใช้สัญลักษณ์นักโบก ชูนิ้วโป้งขึ้นสูง พร้อมกับมีป้ายพลาสติกข้อความว่า “ซานฟรานซิสโก หรือ ระเบิดทำลายตัวเอง” พันไว้รอบตัว โดยหุ่นตัวนี้เคลื่อนที่เองไม่ได้ จึงอาศัยน้ำใจจากนักขับขี่แปลกหน้าที่ผ่านไปมาเท่านั้น
ซึ่งซานฟรานซิสโกเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางในการทัวร์สหรัฐฯของ Hitchbot สัญชาติแคนาดาตัวนี้
และพบว่า กระป๋องนักโบกต้องใช้ความอดทนรอร่วมชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะได้รับเสียงตอบรับจากนักขับร่วมทางให้จอดแวะรับ
และจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งที่บรรดานักขับส่งต่อหุ่นกระป๋องที่มีขนาดเท่าเด็กเล็ก Hitchbot นั้นติดตั้งพร้อมกับ GPS และกล้อง ที่บันทึกตลอดช่วงการเดินทาง และถูกโปรแกรมให้ถ่ายภาพสื่งรอบตัวทุก 20 นาที
นอกจากนี้กระป๋องนักโบกยังมีความสามารถด้านการเต้น และร้องเพลง และเล่นเกมส์ตอบคำถามและพูดคุย และบางครั้งมากเกินไป “กระป๋องตัวนี้บางทีคุยเก่งเกินไป” เซลเลอร์หนึ่งใน 2 นักวิจัยผู้ริเริ่มให้สัมภาษณ์กับนิตยสารบอสตันในเดือนที่ผ่านมา ก่อนที่ Hitchbot จะถูกทำลายไป
ทั้งนี้หลังจากหุ่นกระป๋องนักโบกเดินทางออกจากมาร์เบิลเฮดแล้ว ยังได้เดินทางต่อไปอีกหลายที่เป็นต้นว่า ลงเรือวิ่งรอบ Gloucester หรือได้ตั๋วเข้าชมเบสบอลเกมส์ บอสตันเรดซอก ชื่อดังของฝั่งตะวันออก และก่อนวันที่ 28 กรกฎาคม หุ่นกระป๋องเดินทางไปถึงนิวยอร์กสำเร็จ
และในช่วงเช้าวันเสาร์(1)ที่ผ่านมา Hitchbot ถูกนำไปยัง Elfreths Ally เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในย่านที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งแผนที่ตรวจจับการเดินทางของกระป๋องตัวนี้ได้ยืนยันว่า มันไปถึงที่นั่นจริง แต่ทว่านับตั้งแต่นั้นมา ทางทีมผู้สร้างแคนาดาไม่ได้ยินข่าวการติดต่อจากมันอีกเลย ซึ่งเซลเลอร์"ด้เปิดเผยกับเอพีว่า "ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าว่า หุ่นตัวนี้ต้องพบกับจุดจบเช่นนี้"
ทั้งนี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ Hitchbot พบว่า กระป๋องนักโบกใช้เวลาท่องเที่ยวในเยอรมันเป็นเวลา 10 วัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ในมิวนิคในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2015 และสิ้นสุดการเดินทางในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2015 โดยได้ทำกิจกรรมกับชาวเยอรมัน ไม่ว่าจะเป็น นั่งไปกับรถแข่ง อยู่อานจักรยาน และขึ้นไปบนรถโดยสารสาธารณะ
และนอกจากนี้ ยังพบว่า หุ่นกระป๋องนักโบกได้เดินทางไปทัวร์ในเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่วันที่ 7-24 มิถุนายน 2015 โดยเดินทางไปเนเธอร์แลนด์ด้วยสายการบินแอร์แคนาดาเพื่อไปลงยังกรุงอัมสเตอร์ดัม และได้ใช้เวลา 3 สัปดาห์ที่นั่น
และในส่วนแคนาดาประเทศบ้านเกิดพบว่า Hitchbot เริ่มต้นการเดินทางออนตาริโอ ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2014 ในวันอาทิตย์ โดยใช้เวลาเดินทางในประเทศแคนาดาเป็นเวลาถึง 21 วัน และได้ร่วมโดยสารโดยการโบกไปทั้งหมด 19 ครั้งด้วยกันโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น