เอพี / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิด “คาร์บอมบ์” ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีในวันอาทิตย์ ( 26 ก.ค.) เป็นเหตุให้มีทหารของตุรกีเสียชีวิตอย่างน้อย 2 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย โดยทางการตุรกีคาด เหตุโจมตีล่าสุด ซึ่งมีขบวนรถทางทหารของตุรกีตกเป็นเป้าโจมตีคราวนี้ น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏของพวกชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่
เหตุโจมตีด้วยระเบิดรถยนต์ที่เกิดขึ้น ณ เมืองลิเซของตุรกี ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากกองทัพตุรกีเปิดการโจมตีทางอากาศต่อที่มั่นของกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดที่เคลื่อนไหว อยู่ระหว่างพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี กับพื้นที่ภาคเหนือของอิรัก และแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของตุรกีเผยว่า เหตุคาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดอาจเป็นการโจมตีเพื่อ “แก้แค้น”
ด้านพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (พีเคเค) ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการเคลื่อนไหวต่อสู้ กับรัฐบาลตุรกีเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด ออกคำแถลงที่ระบุว่า การโจมตีทางอากาศของรัฐบาลตุรกีที่กระทำต่อชาวเคิร์ดล่าสุด จะถือเป็นการ “ฉีกข้อตกลงหยุดยิง” ที่พรรคพีเคเคและทางการตุรกีได้ลงนามกันไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2013
อย่างไรก็ดี อลิสแตร์ แบสกีย์ โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพตุรกีเมื่อวันเสาร์ ( 25 ก.ค.) ถือเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ และทางทำเนียบขาวมองว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่เกิดขึ้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของตุรกีในการปกป้องตนเองจาก สิ่งที่เป็น “ภัยคุกคาม”
ทั้งนี้ มีรายงานของสำนักข่าวเอกชน “โดกัน” ว่า กองทัพตุรกีซึ่งมีฐานปฏิบัติการ อยู่ไม่ไกลจากเมืองชายแดน “เซ็มดินลี” ได้ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มเป้าหมายที่คาดว่า จะเป็นที่มั่นของกลุ่มพีเคเคในพื้นที่ภาคเหนือของอิรักอย่างต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมงในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ( 26 ก.ค.)
นับตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา พรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (พีเคเค) ซึ่งถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้าย ได้จับอาวุธทำสงครามกองโจรกับรัฐบาลตุรกีอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังให้ชาวเคิร์ดได้ปกครองตัวเอง โดยความขัดแย้งระหว่างทางการตุรกีกับกลุ่มพีเคเค ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วนับหมื่นคนตลอดระยะเวลามากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา