เอเอฟพี/รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - น้ำมันสหรัฐฯ ดิ่งแรง ปรับลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์อีกครั้งในวันพุธ (22 ก.ค.) หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงสูงขึ้น ส่วนวอลล์สตรีทลดลงจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำร่วงต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์แล้ว นักลงทุนหมางเมินสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 91 เซ็นต์ ปิดที่ 56.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ระบุว่า คลังน้ำมันสำรองทางพาณิชย์ของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกที่เมืองคุชชิง รัฐโอคลาโฮมา ศูนย์ส่งมอบสำคัญ ก็เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล ซ้ำเติมความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
ขณะเดียวกัน รายงานยังพบว่ากำลังผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่แล้ว มีความเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยและยังอยู่ใกล้ๆ ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (22 ก.ค.) ปิดลบพอสมควร ตามแรงฉุดของภาคเทคโนโลยี จากรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ในนั้นรวมถึงแอปเปิล
ดาวโจนส์ ลดลง 68.25 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,851.04 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.06 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,114.15 จุด แนสแดค ลดลง 36.35 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,171.77 จุด
หุ้นของแอปเปิลร่วงลงถึงร้อยละ 4.6 ปิดที่ 124.80 ดอลลาร์ต่อหุ้น หนึ่งวันหลังจากผู้ผลิตไฟโอนแห่งนี้ออกมาคาดการณ์ว่า รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 อาจต่ำกว่าที่ตลาดคาดหมาย
นอกจากนี้นักลงทุนยังผิดหวังต่อตัวเลขยอดขาย iPhone ของบริษัท แอปเปิล หลังเผยยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 35 ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ยอดขาย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในจีน
ขณะเดียวกัน หุ้นของไมโครซอฟท์ก็ปรับลดถึงร้อยละ 4.2 ปิดที่ 45.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังรายงานตัวเลขขาดทุน 3.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งเป็นการขาดทุนรายไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ขณะที่บริษํทแห่งนี้ตัดลดมูลค่าทางบัญชีของธุรกิจโทรศัพท์โนเกียและอุปสงค์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ลดลง
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันพุธ (22 ก.ค.) ปิดลบเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน แตะระดับต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อวั้นที่ 24 มีนาคม 2010 จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และนักลงทุนไม่สนใจสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 12.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,091.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
การปรับลดวานนี้ (22 ก.ค.) สะท้อนถึงแนวโน้มขาลงของราคาทองคำเมื่อเร็วๆ นี้ อันเกิดจากปัจจัยต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหัฐฯ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีซึ่งผลักให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น รวมถึงความหมางเมินต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความสงบของตลาดทุน หลังผ่านพ้นวิกฤตหนี้กรีซและฟองสบู่แตกในตลาดทุนจีน