รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการฟิลิปปินส์ยืนยันว่าพื้นที่อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของกรุงมะนิลามีอันต้องเผชิญกับเหตุน้ำท่วมครั้งเลวร้าย หลังเมืองหลวงของแดนตากาล็อกและพื้นที่อีกหลายเมืองโดยรอบถูกถล่มด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นหลินฟ้า และพายุไต้ฝุ่นจันหอม
คำแถลงของรัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่า มีประชาชนต้องอพยพหนีน้ำท่วมออกจากบ้านเรือนของตนแล้วมากกว่า 20,000 รายเฉพาะในกรุงมะนิลา หลังเกิดฝนตกหนักเพราะอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นทั้งสองลูกจนพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงฟิลิปปินส์ต้องจมอยู่ใต้น้ำ
ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติฟิลิปปินส์ รายงานในวันศุกร์ (10 ก.ค.) ว่า อิทธิพลของทั้งพายุไต้ฝุ่นหลินฟ้า และพายุไต้ฝุ่นจันหอมซึ่งต่างยังคงมีกำลังแรงจะส่งผลให้กรุงมะนิลาและพื้นที่อีกหลายเมืองโดยรอบจะต้องเผชิญกับภาวะฝนตกหนัก และสภาพอากาศที่เลวร้ายต่อไปอีก 24-48 ชั่วโมง
นอกเหนือจากประชาชนชาวกรุงมะนิลากว่า 20,000 รายที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนแล้ว ทางการฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า จำนวนรวมทั้งหมดของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนัก และอุทกภัยในกรุงมะนิลา และหัวเมืองที่อยู่รายรอบอาจมีสูงถึง 15 ล้านคน
จนถึงขณะนี้ ระดับน้ำในหลายพื้นที่ของกรุงมะนิลายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนบางแห่งพบน้ำท่วมขังสูงถึงระดับคอของผู้ใหญ่ ขณะที่โรงเรียน ธนาคาร และหน่วยงานรัฐบาลเกือบทั้งหมดที่ตั้งอยู่ภายในกรุงมะนิลามีอันต้องปิดทำการชั่วคราวแบบไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2012 พื้นที่กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ถูกโจมตีจากพายุไต้ฝุ่นซาวลา (Saola) หรือเฮเนร์ (Gener) ในภาษาท้องถิ่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นไปหลายสิบราย ขณะที่ประชาชนกว่า 360,000 คนต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งทางกระทรวงสวัสดิการสังคมและการพัฒนาของฟิลิปปินส์จัดตั้งขึ้น ส่วนยอดผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดมีจำนวนสูงกว่า 2.4 ล้านราย