เอเอฟพี - สหรัฐฯ ยกระดับรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศและเรียกร้องประชาชนอยู่ในความระมัดระวังในวันชาติอเมริกา ช่วงสุดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความกังวลต่อภัยคุกคามก่อการร้าย
สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติ ล้วนแต่ออกคำเตือนถึงหน่วยงานระดับท้องถิ่นและสาธารณะ ถึงความเสี่ยงที่มากขึ้นต่อความเป็นไปได้ที่อาจเกิดเหตุโจมตีช่วงเทศกาลวันหยุดฉลองวันชาติสหรัฐฯ 4 กรกฎาคม
มลรัฐนิวยอร์ก เพิ่มการตรวจตรางานเฉลิมฉลองและกิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ (4 ก.ค.) ซึ่งคาดหมายว่าจะมีผู้คนมหาศาลเดินทางมายังเมืองใหญ่ที่สุดของอเมริกาแห่งนี้
ทั้งนี้ กรมตำรวจนิวยอร์กได้กระจายเจ้าหน้าที่ 7,000 คน และกำลังพลของหน่วยต่อต้านก่อการร้ายทั้งหมดเข้าไปดูแลความปลอดภัยแก่กิจกรรมต่างๆ ในงานฉลองวันชาติของประเทศ
“เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่ามลรัฐนิวยอร์กยังเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆของพวกก่อการร้าย” นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าว “ในขณะที่เราร่วมฉลองวันชาติร่วมกับครอบครัวและเพื่อนๆ ผมร้องขอชาวนิวยอร์กทุกคน อย่าระลึกถึงแต่เสรีภาพที่เราชื่นชม แต่จงอยู่ในความระมัดระวังสิ่งที่ล้อมรอบตัวพวกเขา เรียนรู้ที่จะตระหนักและแจ้งความเคลื่อนไหวต้องสงสัยต่างๆ”
ที่เมืองหลักอื่นๆ ในนั้นรวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็มีการเฝ้าระวังขั้นสูงสุดเช่นกัน แม้ยังไม่มีสัญญาณภัยคุกคามเฉพาะเจาจงใดๆ “ประเทศของเราอยู่ภายใต้การคุกคาม เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและทหารของเราถูกคุกคาม ดังนั้นเราจึงต้องจริงจังกับภัยคุกคามเหล่านั้น” โรเบิร์ต แม็กลีน เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงบอกกับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์
ส่วนในบอสตัน สถานที่เกิดเหตุโจมตีการแข่งขันวิ่งมาราธอนของเมืองเมื่อปี 2013 คร่าชีวิตผู้คน 3 ศพและบาดเจ็บจำนวนมาก ตำรวจเผยว่าจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงเช่นกัน “เราเพิ่งยกระดับรักษาความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจเท่าที่จะเป็นไปได้ว่าเมืองจะปลอดภัย” วิลเลียม อีแวนส์ อธิบดีตำรวจบอสตันบอกกับบอสตัน โกลบ พร้อมยอมรับว่าการโจมตีแบบก่อเหตุเพียงลำพังจะเป็นฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุด แต่ชี้ว่าตำรวจยังไม่ทราบถึงภัยคุกคามอย่างเจาะจงใดๆ
นอกจากนี้แล้ว ทางการสหรัฐฯ ยังยกระดับการเฝ้าระวังในต่างแดนด้วย โดยกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้เตือนเจ้าหน้าที่ให้ทบทวนมาตรการและขั้นตอนรักษาความปลอดภัยต่างๆ จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงต่างประเทศระบุ อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า “คำเตือนนี้ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นประจำอยู่แล้ว และจะดำเนินการทุกครั้งก่อนวันหยุดสำคัญๆ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งบ่งบอกว่ามีภัยคุกคามด้านความมั่นคงอย่างเจาะจงใดๆ”