รอยเตอร์ - ตุรกีจัดส่งกองทหารและยุทโธปกรณ์เพิ่มตามแนวพรมแดนส่วนหนึ่งของตนที่ติดกับซีเรีย เนื่องจากการสู้รบทางตอนเหนือของเมืองอเลปโปทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แหล่งข่าวความมั่นคงระบุ แต่นายกรัฐมนตรี อาห์เม็ท ดาวูโตกลู ยืนยันว่า ไม่ได้มีแผนการรุกรานใดๆ ทั้งสิ้น
แหล่งข่าวความมั่นคงและเจ้าหน้าที่กล่าวว่า กองทัพบกตุรกีได้ยกระดับความมั่นคงขึ้น พร้อมกับจัดส่งยุทโธปกรณ์และทหารรวมถึงหน่วยพิเศษเพิ่มเติมเมื่อไม่กี่วันมานี้ เนื่องจากการสู้รบกันอย่างหนักหน่วงในแถบชานเมืองตอนเหนือของเมืองอเลปโป
กลุ่มสังเกตการณ์และกลุ่มกบฏระบุเมื่อวานนี้ (2 ก.ค.) ว่า กลุ่มกบฏซีเรียซึ่งนำโดยกลุ่มอิสลามิสต์ได้เปิดฉากการรุกใหญ่เพื่อชิงเมืองทางตอนเหนือแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวซึ่งจะส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
“มันเป็นเรื่องถูกที่เราระมัดระวังไว้ก่อนเพื่อปกป้องพรมแดนของเรา หากมีสภาพการณ์ใดๆ ตรงข้ามพรมแดนที่คุกคามความมั่นคงของตุรกี ตอนนั้นจะมีคำสั่งเพื่อดำเนินการออกมา” ดาวูโตกลู บอกกับสถานีวิทยุและโทรทัศน์ Kanal 7 เมื่อคืนวานนี้ (2)
“(แต่) ไม่ควรมีใครคาดการณ์ว่าตุรกีจะเข้าไปในซีเรียวันพรุ่งนี้หรือในระยะเวลาอันใกล้” เขากล่าว
สื่อบางเจ้าคาดการณ์กันว่าได้มีการวางแผนปฏิบัติการข้ามพรมแดนในเร็วๆ นี้กันแล้ว
“หากมีอะไรก็ตามที่คุกคามความมั่นคงของตุรกีเกิดขึ้น เราจะไม่รอถึงวันพรุ่งนี้ เราจะเคลื่อนกำลังเข้าไปในทันที แต่มันไม่ถูกต้องที่จะคาดหมายว่าตุรกีจะทำการรุกรานฝ่ายเดียวอย่างฉับพลัน หากไม่ได้มีความเสี่ยงดังกล่าวเกิดขึ้น” ดาวูโตกลูกล่าว
เมื่อคืนวานนี้ (2) เสียงการสู้รบอย่างดุเดือด รวมถึงเสียงระเบิด สามารถได้ยินจากเมืองพรมแดนคิลลิสของตุรกี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองอาซาสของซีเรียไปทางตอนเหนือราว 50 กิโลเมตร คนในพื้นที่ระบุ
แหล่งข่าวความมั่นคงกล่าวว่า การสู้รบในเมืองอาซาสเป็นศึกระหว่างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) กับกองกำลังร่วมของกลุ่มอัลนุสราฟรอนส์ สาขาของกลุ่มอังกออิดะห์ และกลุ่มกบฏที่ฝ่ายตะวันตกหนุนหลัง ซึ่งปะทะกันในแถบชานเมืองอเลปโปทางเหนือในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้
ดาวูโตกลูกล่าวว่า อัสซาดซึ่งกองกำลังและกลุ่มพันธิมตรของเขายึดครองเขตทางตะวันตกของเมืองอเลปโป กำลังร่วมมือกับกลุ่มไอเอสโจมตีกลุ่มกบฏสายกลาง
เขากล่าวว่า ชาวซีเรียในเมืองอเลปโปจะไม่ได้รับสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐานอย่างเช่นอาหารและยา หากการสู้รบทำให้เมืองนี้ถูกตัดขาด และจะทำให้เกิดการอพยพลี้ภัยขนานใหญ่เข้าสู่ตุรกีครั้งใหม่ ซึ่งปัจจุบันประเทศนี้ก็ให้ที่พักพิงผู้ลี้ภัยกว่า 1.8 ล้านคนอยู่แล้ว