เอเอฟพี - อินโดนีเซียจัดตั้งคณะทำงานชุดใหม่ตรวจสอบระดับเสียงลำโพงของมัสยิดทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่เผยในวันพฤหัสบดี (25 มิ.ย.) ท่ามกลางความกังวลว่าเสียงละหมาดระหว่างเดือนรอมฎอนจะก่อผลกระทบแก่ผู้คนในละแวกใกล้เคียง
คาดหมายว่ามีมัสยิดราว 800,000 แห่งในชาติมีประชากรมุสลิมมาที่สุดของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงคร่ำครวญมาช้านานว่าเสียงลำโพงนั้นดังเกินไป
ระหว่างเทศกาลรอมฎอนซึ่งปีนี้เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงกรกฎาคม เหล่าชาวมุสลิมจะขะมักเขม้นในการปฏิบัติสิ่งที่เป็นฟัรฎูต่างๆ เช่น เพิ่มรอบการละหมาด ดังนั้นก็จะมีเสียงบดสวดทางศาสนาดังออกมาจากมัสยิดเร็วกว่าเวลาปกติ
ในความพยายามจัดการกับปัญหานี้ รองประธานาธิบดีจูวูฟ คัลลา ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบตัวอย่างเสียงจากลำโพงของมัสยิดต่างๆ ทั่วประเทศ “แนวคิดคืออยากให้มุสยิดต่างๆ ลดเสียงลงมาเล็กน้อยในระดับที่ได้ยินเฉพาะชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ชิดเท่านั้น” โฆษกของรองประธานาธิบดีเผย พร้อมบอกว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เสียงที่ออกมาจากมัสยิดมีความเสนาะหูและไพเราะมากขึ้น
โฆษกของรองประธานาธิบดีบอกต่อว่า เหล่ามัสยิดต่างๆต้องรับประกันว่าเสียงที่ก่อออกมานั้นจะไม่กลบเสียงจากมัสยิดอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วย โดยเขาบอกว่าบ่อยครั้งได้เกิดสงครามลำโพงระหว่างสถานที่แสวงบุญในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งพยายามเอาชนะอีกฝ่ายด้วยการเปิดเสียงบทสวดดังลั่น
คณะทำงานชุดใหม่นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้ดำเนินการรวบรวมตัวอย่างมากมายและเตรียมส่งรายงานถึงรองประธานาธิบดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ตัวรองประธานาธิบดีก็มีแผนจับเข่าคุยกับองค์กรนักเทศน์มุสลิมสูงสุดของอินโดนีเซียและองค์กรมุสลิมต่างๆ ร่วมหารือหาแนวทางจัดการกับปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ คณะทำงานชุดใหม่จะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ความคิดริเริ่มก่อนหน้านี้สมบูรณ์ หลังจากเบื้องต้นได้กระจายคณะงานทางเทคนิคราว 10 ทีมทั่วประเทศ ไปช่วยปรับเสียงลำโพงของมัสยิดและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางการลดเสียงลำโพง
อย่างไรก็ตาม โฆษกรองประธานาธิบดียอมรับว่าการบังคับใช้กฎระเบียบทางเสียงกับมัสยิดทั่วประเทศคงเป็นเรื่องยากและเรียกร้องสภานักการศาสนาอิสลามอินโดนีเซีย(Ulema) ออก “ฟัตวา” หรือคำตัดสินชี้ขาดในประเด็นนี้