รอยเตอร์ - ประชาชนหลายพันคนชุมนุมกันบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภากรีซเมื่อวันจันทร์ (22 มิ.ย.) เพื่อแสดงพลังสนับสนุนให้เอเธนส์อยู่ในยูโรโซนต่อไป ในขณะที่เหล่าผู้นำกลุ่มประเทศสกุลเงินเดียวรวมตัวกันที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม เพื่อหารือกันถึงชะตากรรมของกรีซที่กำลังประสบภาวะเงินสดขาดมือ
การเดินขบวนฝักใฝ่ยูโร ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ เกิดขึ้นหนึ่งวันตามหลังการประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด สนับสนุนจุดยืนแข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ต่อเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติ แม้ผลักให้เอเธนส์ขยับใกล้ขอบเหวแห่งภาวะล้มละลาย
แม้ผู้เข้าร่วมชุมนุมในวันจันร์ (22 มิ.ย.) ไม่สามารถเทียบเท่ากับจำนวนหลายพันคนที่เคยออกมาแสดงพลังกันบนท้องถนนเมื่อปีที่แล้ว แต่มันก็ย้ำว่าชาวกรีซเริ่มมีความกลัวและความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อความล้มเหลวของการเจรจาอันยืดเยื้อยาวนานระหว่างเอเธนส์กับเหล่าเจ้าหนี้
“เราอยู่ท่ามกลางการเจรจากันมานานมากแล้ว และฉันรู้สึกว่าเราส่งสัญญาณที่ผสมปนเปไปยังชาวโลก” สตรีรายหนึ่งที่เข้ร่วมชุมนุมกล่าว “ถึงเวลาแล้วที่ชาวกรีซต้องแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากรีซต้องการอยู่ในยูโรต่อไป และการเจราควรพบทางออกเร็ววันนี้”
ผู้ชุมนุมหลายพันคนที่ออกมารวมตัวกัน ณ จัตุรัสในกลางกรุงเอเธนส์ เป็นตัวแทนของทุกภาคส่วนของสังคมกรีซ ไล่ตั้งแต่คุณแม่ยังสาวที่อุ้มลูกน้อยไปจนถึงเหล่านิสิตนักศึกษา พนักงานบริษัทและกลุ่มคนเกษียณอายุซึ่งมีความประสงค์ส่งสารไปยังเหล่าผู้นำยุโรป
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ชุมนุมบางส่วนถือธงสหภาพยุโรปและธงชาติกรีซ รวมถึงป้ายคำขวัญต่างๆ อย่างเช่น “ใช่ สำหรับยูโร ไม่ สำหรับรูเบิล” อ้างถึงค่าเงินของรัสเซีย พร้อมกันนั้นก็มีการกลางธงชาติกรีซขนาดใหญ่บริเวณกำแพงด้านนอกรัฐสภา
หลายคนบอกว่าเพิ่งเดินขบวนเป็นครั้งแรก โดยที่ต้องออกมาร่วมบนท้องถนนเพราะเกรงว่าสถานะของประเทศในยูโรจะลั่นคลอน เพราะว่านายซีปราสปฏิเสธยอมรับเงื่อนไขรัดเข็มขัดของเหล่าเจ้าหนี้แลกกับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ “ผมเชื่ออย่างหนักแน่นว่ากรีซควรอยู่ในยูโรต่อไป เกมที่รัฐบาลนี้กำลังเล่นอยู่รังแต่จะสร้างความเสียหายแก่ประเทศ” เลกซ์ โปโตรปูลอส นักศึกษาวัย 21 ปีกล่าว
การเดินขบวนครั้งนี้เป็นการนัดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แต่ก็มีสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน “นิวเดโมแครต” เข้าร่วมด้วยหลายคน ในนั้นรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีคอนสแตนตินอส มิตโซตาคิส ที่เตือนว่ากรีซกำลังตกอยู่ในอันตราย
ในวันจันทร์ (22 มิ.ย.) กรีซยื่นข้อเสนอปฏิรูปล่าสุดมายังกรุงบรัสเซลส์ ในฐานะที่เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อปลดล็อกให้ได้รับเงินงวดสุดท้ายจำนวน 7,200 ล้านยูโร ในแพกเกจเงินกู้ช่วยไม่ให้ล้มละลายจากพวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ฝ่ายเจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมปล่อยเงินมาให้ จนกว่ากรีซจะยินยอมดำเนินการปฏิรูปด้วยมาตรการเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ถ้าหากไม่ได้รับเงินกู้งวดนี้ กรีซซึ่งอยู่ในสภาพถังแตกก็จะไม่สามารถผ่อนจ่ายหนี้จำนวน 1,600 ล้านยูโรให้แก่ไอเอ็มเอฟตามกำหนดในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ได้ และการผิดนัดชำระหนี้เช่นนี้ก็อาจส่งให้เอเธนส์ต้องออกจากการร่วมใช้เงินตราสกุลยูโร และกระทั่งถึงขั้นอาจจะต้องออกจากอียู
ผลสำรวจความคิดเห็นเกือบทั้งหมดพบว่า ชาวกรีซส่วนใหญ่ต้องการอยู่ในยูโรต่อไป แต่พวกเขาไม่ต้องการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมตามความประสงค์ของเจ้าหนี้