เอเอฟพี – ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติออกมาเรียกร้องในวันนี้ (18) ให้ทั่วโลกรวมถึงชาติตะวันตกเปิดพรมแดน และเอาอย่างตุรกีในเรื่องการต้อนรับผู้ภัยชาวซีเรีย
ตุรกีซึ่งรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมาแล้วราว 1.8 ล้านคนนับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้นในปี 2011 กล่าวย้ำหลายครั้งว่า พวกเขาถูกปล่อยให้แบกรับภาระอย่างไม่เท่าเทียม ในขณะที่บรรดาชาติตะวันตกเอาแต่เฝ้าดูอยู่อย่างเดียว
แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ บอกกับผู้สื่อข่าวที่นครอิสตันบูลในการเผยแพร่รายงานประจำปีของ UNHCR ว่า โลกมีความรับผิดชอบร่วมกันในการปกป้องผู้ลี้ภัย
“มันเป็นสิ่งสำคัญที่สหภาพยุโรป , กลุ่มชาติอ่าวอาหรับ และส่วนอื่นๆของโลกจะเปิดพรมแดนของพวกเขาด้วย” เขากล่าว
เขากล่าวว่า ความเอื้อเฟื้อของตุรกีมีความหมายเป็นพิเศษในโลกที่ “พรมแดนมากมายถูกปิดหรือควบคุม และที่ซึ่งมีกำแพงขวางกั้นใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นมาหรือถูกประกาศ” และเสริมว่า “สิ่งนี้คือสิ่งที่ทุกคนควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง” เขากล่าว
“มันไม่ใช่ความรับผิดชอบเฉพาะของตุรกี , เลบานอน หรือจอร์แดนเท่านั้น มันคือความรับผิดชอบของทั้งโลก” กูเตอร์เรส กล่าว โดยอ้างถึงอีกสองประเทศที่ก็รับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ตุรกีใช้นโยบาย “เปิดประตู” ที่ประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิป เออร์โดแกน ให้การสนับสนุนกับผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย ซึ่งอังการายังคงสานต่ออยู่ถึงแม้ว่าจะมีความตึงเครียดทางสังคมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการตุรกีจุดชนวนให้เกิดข้อถกเถียงขึ้นด้วยการปิดพรมแดนไม่รับผู้ลี้ภัยที่หลหนีการปะทะระหว่างกองกำลังชาวเคิร์ดและกลุ่มนักรบญิฮาดเพื่อแย่งชิงเมืองทาลอับยาดของซีเรีย แต่ก็เปิดใหม่อีกครั้งในภายหลังและรับผู้ลี้ภัยเข้ามาราว 23,000 คน