เอเอฟพี – การเจรจาปัญหาหนี้สินระหว่างกรีซกับสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ (14 มิ.ย.) ซึ่งทำให้รัฐบาลเอเธนส์ยิ่งเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ (default) ในช่วงสิ้นเดือนนี้จนอาจต้องหลุดออกจากกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินยูโรในที่สุด
การถกปัญหาหนี้ที่ล้มเหลวเป็นวันที่สองยิ่งทำให้กรีซเสี่ยงเผชิญหายนะทางการคลัง เนื่องจากกำหนดชำระหนี้ก้อนโตแก่ไอเอ็มเอฟในช่วงสิ้นเดือนนี้ใกล้เข้ามาทุกที
“พวกเขาเข้ามาคุยกับเราโดยไม่คิดจะลงมือทำอะไรสักอย่าง” แหล่งข่าวอียูที่ใกล้ชิดกับการเจรจาให้สัมภาษณ์เอเอฟพีด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ขณะที่เจ้าหน้าที่กรีซโยนความผิดให้แก่ไอเอ็มเอฟ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เจ้าหนี้ “ทรอยกา” ที่ตั้งเงื่อนไขในการปล่อยกู้ไว้อย่างเข้มงวดที่สุด
“สิ่งที่องค์กรเจ้าหนี้เรียกร้องไม่มีเหตุผลสมควร เราใช้เวลาพูดคุยกันอยู่ 45 นาที” แหล่งข่าวในรัฐบาลกรีซเผย
ทุกฝ่ายต่างทราบดีว่า การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่กรีซจะปลดล็อกเงินช่วยเหลืองวดใหม่ ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยแผนปฏิรูปการคลังอย่างเข้มงวดที่นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส วัย 40 ปี ปฏิเสธที่จะยอมรับ
แหล่งข่าวในรัฐบาลเอเธนส์ชี้ว่า ไอเอ็มเอฟยังคงจุดยืน “ดื้อดึงและไม่ประนีประนอม” โดยยืนกรานให้กรีซต้องตัดเงินบำนาญ และเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า เป็นต้น
ไอเอ็มเอฟได้แถลงผ่านเว็บไซต์ว่า การทำข้อตกลงปล่อยกู้งวดสุดท้าย “ต้องผ่านการตัดสินใจที่ยากลำบากจากทุกฝ่าย” รวมถึงหุ้นส่วนของกรีซในยุโรป ขณะที่ โอลิเวอร์ บลองชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากไอเอ็มเอฟ ยืนยันว่า กรีซจำเป็นต้องลดขนาดวงเงินบำนาญซึ่งใช้งบประมาณถึง 16% ของมูลค่าจีดีพีทั้งประเทศในแต่ละปี
กรีซเคยได้รับแพ็กเกจช่วยเหลือมาแล้วถึง 2 รอบตั้งแต่ปี 2010 คิดเป็นมูลค่า 240,000 ล้านยูโรโดยเป็นวงเงินปล่อยกู้จากหุ้นส่วนในยุโรปซึ่งนำโดยเยอรมนีและฝรั่งเศส ทว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันก็ยังคงร่อแร่
ประเทศเล็กๆ แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้มีหนี้สินท่วมท้นถึง 180% ของมูลค่าจีดีพี หรือเกือบ 2 เท่าของผลผลิตทางเศรษฐกิจในแต่ละปี
แหล่งข่าวอียูชี้ว่า แผนปฏิรูปที่รัฐบาลกรีซเสนอมา “ยังไม่สมบูรณ์” เนื่องจากตัดทอนรายจ่ายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่อียูและไอเอ็มเอฟกำหนดประมาณ 2,000 ล้านยูโร และไม่เพียงพอที่จะปลดล็อกเงินกู้งวดสุดท้าย 7,200 ล้านยูโรในแพ็กเกจช่วยเหลือซึ่งกำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย.
กรีซยังถึงกำหนดที่จะต้องชำระหนี้แก่ไอเอ็มเอฟ 1,600 ล้านยูโรในช่วงสิ้นเดือนนี้ และยังต้องจ่ายอีก 6,700 ล้านยูโรคืนให้แก่ธนาคารกลางยุโรปในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่กรีซยอมรับว่า รัฐบาลคงไม่มีปัญญาที่จะจ่าย
“ในกรณีเช่นนี้คงต้องมีการเจรจากันต่อในกลุ่มยูโรกรุ๊ป” โฆษกอียูให้สัมภาษณ์ โดยหมายถึงการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้(18) ที่ลักเซมเบิร์ก
โฆษกผู้นี้บอกด้วยว่า ฌ็อง โคลด-จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป “ยังเชื่อมั่นว่า หากกรีซยอมรับแผนปฏิรูปที่เข้มแข็งกว่านี้ ประกอบกับได้รับเจตนารมณ์ทางการเมืองจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การเจรจาหาทางออกเรื่องหนี้ก็น่าจะบรรลุผลได้ก่อนสิ้นเดือน”