รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – สื่อทั่วโลกต่างรายงานถึงกำหนดการพบปะระหว่างสมเด็จพระสันติปาปาฟรานซิส และวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียในวันพุธ(10)อย่างครึกโครม ในท่าทีที่ผู้นำรัสเซียบินตรงจากมอสโกสู่ยุโรปทันทีหลังจากคล้อยหลังการประชุมชาติมหาอำนาจด้านอุตสาหกรรม G7 ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นไปต้นสัปดาห์นี้ และไม่เป็นที่แปลกใจต่อสื่อต่างประเทศแต่อย่างใด ที่แขกผู้มาเยือนจากแดนไกล เช่น ปูตินจะปล่อยให้โป๊ปฟรานซิส เจ้าบ้านรอเป็นเวลาถึง 1 ชม. จนกระทั่งอินเตอร์บิสซิเนสไทมส์ ถึงกับตั้งหัวข้อข่าวนำว่า “Late To Everything, Even The Pope: Putin Has No Qualms About Keeping Francis Waiting An Hour During Vatican Visit” และในการพบปะร่วม 50 นาที โป๊ปได้ทรงแนะทางออกปัญหาวิกฤตยูเครนกับผู้นำรัสเซียว่า “สันติภาพยูเครนต้องใช้ความจริงใจเข้าแลก” ซึ่งมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐฯได้ส่งคนเข้าไปแนะแนวทางกับองค์สันตะปาปาล่วงหน้าก่อนการหารือ
รอยเตอร์และสื่ออินเตอร์บิสซิเนสไทม์ส รายงานในวันพุธ(10) ถึงการพบปะครั้งสำคัญอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ของผู้นำโลกเช่นสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่กรุงวาติกัน ในระยะเวลาการพบปะร่วม 50 นาที แต่ทว่าประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิกทรงต้องใช้เวลายาวนานกว่าการหารือในการรอปูตินเป็นเวลาร่วม 1 ชม. ของผู้นำรัสเซีย ที่ทางอินเตอร์บิสซิเนสไทม์สได้ให้ฉายาผู้นำหมีขาวว่า “สายเสมอ แม้แต่กับโป๊ปฟรานซิส”
โดยบิสซิเนสไทม์สได้แจกแจงรายละเอียดการมาถึงอย่างล่าช้าของปูตินในการพบปะหารือกับผู้นำระดับโลกคนอื่นๆ ที่ผู้นำรัสเซีย ซึ่งทางบิสซิเนสไทมส์ เปรียบเปรยว่า เป็นเสมือนแทคติกทางการเมืองของปูตินในเวทีโลก ที่เขาเป็นดัง “พระเจ้าซาร์แห่งโลกการเมืองระหว่างประเทศ” เหมือนดังในช่วงเวลาจักรวรรดิรัสเซียที่ยังคงรุ่งเรือง
โดยสื่อธุรกิจสหรัฐฯรายงานเชิงสรุปว่า ปูตินทำให้โป๊ปฟรานซิสต้องทรงรอนานราว 1 ชม.ในการเข้าพบเมื่อวานนี้(10) ช้ากว่า 10 นาทีเมื่อเทียบกับการพบปะในเดือนพฤศจิกายน 2013 ที่ปูตินมาสายราว 50 นาที และในวันเดียวกันนั้นปูตินยังปล่อยให้นายกรัฐมนตรีอิตาลีต้องรอคอยถึง 1 ชม. เช่นเดียวกัน และรวมไปถึงที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษยังทรงต้องตกเป็นเหยื่อการรอคอย เพราะต้องทรงอดทนรอเสี่ยหมีถึง 14 นาที ในปี 2013 และอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ที่ต้องอดทนกับพฤติกรรมรัสเซีย และปูตินเรื่อยมานับตั้งแต่เกิดวิกฤตยูเครน ต้องรอพบกับปูตินนานถึง 40 นาทีในปี 2012 แต่ทว่าคงจะไม่มีใครที่โชคร้ายไปกว่าจอห์น เคร์รีย์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ปูตินปล่อยให้รัฐมนตรีแดนพญาอินทรีย์ต้องยืนรอนานถึง 3 ชม.เต็มในการเข้าหารือเหตุสงครามซีเรียปี 2013 และคงไม่ต้องถามถึงอดีตประธานาธิบดียูเครน วิกเตอร์ ยานูโควิช ต้องอดทนรอนานร่วม 4 ชม.มาแล้วในการเข้าพบหารือการตกลงพลังงานก๊าซกับรัสเซีย
ทั้งนี้บีบีซีสื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมถึงปูตินในแง่การไม่ตรงต่อเวลาในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2013 ว่า เหตุที่ผู้นำรัสเซียมักมาสายเป็นประจำนั้นอาจเกิดจากที่ปูตินติดนิสัยพิถีพิถันในรายละเอียดทุกขั้นตอนมากเกินไป โดยแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อในแวดวงใกล้ชิดปูตินเผยว่า “ก่อนที่เขาจะพบกับผู้นำโลกคนสำคัญ ผู้นำรัสเซียมักจะตรวจสอบถึงแหล่งข้อมูลสำคัญอย่างละเอียดถี่ถ้วน และตรวจสอบทุกแง่ทุกมุม จนในที่สุดทำให้เขาพลาดเวลานัดไปอย่างไม่รู้ตัว”
นอกจากนี้สื่ออังกฤษยังรายงานถึงการให้สัมภาษณ์ของ Lyudmila อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 รัสเซีย ที่เพิ่งแยกทางกันไปว่า “วลาดิมีร์มักจะปล่อยให้ดิฉันต้องรอเสมอนานร่วมชั่วโมงเห็นจะได้ในช่วงเวลาที่เราสองต่างดูใจคบหากัน” และในขณะนั้นผู้นำรัสเซียได้กล่าวโต้ว่า “ผมไม่มีเวลาแต่งตัวและสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็วเหมือนกระสุนที่ยิงออกจากปลายกระบอกปืนโดยปราศจากเสื้อโค๊ท”
ทั้งนี้ในการพบปะในวันพุธ(10) รอยเตอร์ได้รายงานความคืบหน้าในการเข้าหารือของปูตินและสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสที่กรุงวาติกัน โดยโป๊ปฟรานซิสได้ทรงตรัสเตือนผู้นำรัสเซียว่า “สันติภาพที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต้องใช้ความจริงใจและความพยายามเข้าแลกเท่านั้น”
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมเมื่อวานนี้(10)ว่า พระประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกต้องใช้อิทธิพลในการเมืองระหว่างประเทศเหมือนดังเช่นทรงใช้ในการเป็นกาวใจผูกสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและคิวบาจนสามารถกลับมาเริ่มต้นสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันอีกครั้งหลังจากเป็นศัตรูมาอย่างยาวนานร่วม 50 ปี
ปูตินที่ถูกกลุ่มประเทศ G7 ปฎิเสธ รวมไปถึงยังถกประเด็นปัญหาความก้าวร้าวของรัสเซียในยูเครนตะวันออกเป็นวาระแรกของการหารือ ที่นำขึ้นมาโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา แต่ทว่าที่กรุงวาติกัน ผู้นำรัสเซียได้รับเกียรติ์สูงสุดในการเยือนครั้งนี้ รวมไปถึงการต้อนรับจากการ์ดรักษาพระองค์ประจำกรุงวาติกัน
แต่ทว่าสิ่งที่น่าสนใจในการพบปะของโป๊ปฟรานซิสและปูติน ซึ่งมีข่าวว่าสหรัฐฯได้ส่ง เคน แฮคเกิตต์ ( Ken Hackett) ทูตประจำกรุงวาติกันเข้าหารือแนวทางในการพบปะกับโป๊ปฟรานซิสก่อนการเยือนของผู้นำแดนหมีขาวนั้น ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ผู้นำศาสนจักรนิกายโรมันคาทอลิกดูจะทรงเกร็งเล็กน้อย จากการที่โป๊ปทรงตรัสต้อนรับปูตินเป็นภาษาเยอรมัน “ยินดีต้อนรับ” และทำให้ทั้งโป๊ปฟรานซิส เจ้าบ้าน และปูตินถึงกับนิ่งตะลึงเงียบไปสักพักใหญ่
รอยเตอร์ยังรายงานบรรยากาศปิดประตูประชุมหารือระหว่างโป๊ปฟรานซิส และปูติน ผ่านทางแถลงการณ์ของสำนักวาติกันว่า ดูเหมือนสมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงตรัสอย่างตรงไปตรงมากับผู้นำรัสเซีย รวมไปถึงรอยเตอร์ชี้ว่า ในแถลงการณ์ยังไม่ใช้คำว่า “cordial” หรืออย่างฉันมิตรในการบรรยายการเข้าพบของปูตินเหมือนดังที่วาติกันมักใช้ในการอธิบายการเข้าพบของผู้นำโลกและสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอีกด้วย
และในระหว่างการอุ่นเครื่องก่อนเริ่มหารือช่วงถ่ายภาพ โป๊ปฟราซิสทรงย้ำกับประธานาธิบดีรัสเซียในเรื่องปัญหายูเครนว่า “สันติภาพชนะทุกสมรภูมิรบ” และ “ความเป็นหนึ่งเดียว”
โดยรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนที่ประธานาธิบดีปูตินจะพบปะกับโป๊ปฟรานซิส ผู้นำรัสเซียได้พบกับนายกรัฐมนตรีอิตาลี มัตเตโอ เรนซี่ ในกรุงมิลาน ซึ่งผู้นำอิตาลีแสดงให้รัสเซียเห็นว่า มีแนวคิดที่ต่างจากผู้นำชาติอื่นในการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียต่อปัญหาวิกฤตยูเครน