เอเอฟพี - ธนาคาร HSBC ระบุในวันอังคาร (9 มิ.ย.) ว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกสูงถึง 50,000 ตำแหน่ง อันเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งจะมีการถอนการดำเนินธุรกิจในบราซิลและตุรกี รวมถึงกำลังพิจารณาที่จะไม่ใช้ลอนดอนเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่
ในคำแถลงที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ยังได้ระบุด้วยว่า ทางธนาคารตั้งใจจะประหยัดค่าใช้จ่ายประจำปีให้ได้ถึง 5 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลา 2 ปี
สจวร์ต กัลลิเวอร์ ซีอีโอของธนาคารเอชเอสบีซีได้เตรียมที่จะประกาศถึงการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากภายในวันนี้ด้วย ในการพูดคุยกับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น
ธนาคารที่มีอายุครบ 150 ปีในปีนี้ ระบุว่า กำลังดำเนินการปรับพอร์ตธุรกิจ โดยจะโยกย้ายทรัพยากรให้เข้ากับโอกาสการเติบโตในอนาคตที่ได้คาดหวังไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับการปรับโครงสร้าง
มีรายงานว่า จะมีการลดจำนวนพนักงานประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ตัวเลขระหว่าง 22,000 - 25,000 ตำแหน่ง ส่วนอีก 25,000 ตำแหน่งจะมาจากการขายกิจการในตุรกีและบราซิล
นับเป็นการลดจำนวนพนักงานครั้งล่าสุดของธนาคารรายนี้ ภายใต้การกุมบังเหียนโดยกัลลิเวอร์ ที่ทยอยลดกำลังคนอย่างต่อเนื่อง โดยจะให้เหลือแค่ 208,000 คน ภายในปี 2017 จากตัวเลขเดิมในปี 2010 ที่มี 295,000 คน
คำแถลงยังได้ระบุด้วยว่า ตั้งเป้าจะประหยัดค่าใช้จ่ายประจำปีให้ได้ประมาณ 4.5 - 5 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2017 แต่ยังคงให้บริการแก่ลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในบราซิลอย่างต่อเนื่อง
เอชเอสบีซีบอกด้วยว่า จะหันมาเน้นทำธุรกิจในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ทางตอนใต้ของประเทศจีน รวมถึงจะทบทวนเกี่ยวกับที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ในช่วงปลายปีนี้
กัลลิเวอร์บอกว่า อาจย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่เนื่องจากการกำหนดกฏเกณฑ์และการเก็บภาษีในหมวดธุรกิจธนาคารที่เพิ่มสูงขึ้นของอังกฤษ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางธนาคารจะย้ายสำนักงานใหญ่ไปไว้ที่ฮ่องกง เนื่องจากมีการเก็บภาษีที่ต่ำกว่า ทั้งยังเชื่อว่าในแถบเอเชียมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกว่า สำหรับธุรกิจธนาคาร
"สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ ก็คือพวกหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปและอเมริกา เพราะพวกเขาเจ็บไปเยอะจากวิกฤติเศรษฐกิจ พวกเขาก็เลยต้องขูดรีดมากขึ้น แม้กระทั่งกับธนาคาร" นักวิเคราะห์ ระบุ
