รอยเตอร์ – นักวิเคราะห์เตือนเมืองท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชีย เช่น กรุงเทพมหานครและสิงคโปร์ มีความเสี่ยงสูงที่จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวจะลดลงแบบฮวบฮาบ เนื่องจากกลุ่มผู้มาเยือนขาดความหลากหลาย และเน้นพึ่งพา “กรุ๊ปทัวร์จีน” มากเกินไป
ผลการจัดอันดับ 132 เมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกโดยมาสเตอร์การ์ด (MasterCard Global Destinations Index) เมื่อปีที่แล้ว พบว่า ร้อยละ 70 ของเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ในทวีปเอเชีย ทว่าจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายเงินส่วนใหญ่จะมาจากกรุ๊ปทัวร์จีนเป็นหลัก ซึ่งทำให้หลายเมืองในเอเชียเสี่ยงที่จะต้องเผชิญภาวะการท่องเที่ยวซบเซา หากเกิดวิกฤตการณ์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากแดนมังกรชะลอการเดินทาง
ในปี 2014 นักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาเยือนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สูงที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับตัวเลข 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อ 5 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ไปเยือนกรุงลอนดอนกลับมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.6 ตามผลสำรวจโดยมาสเตอร์การ์ด
“หากจะพูดถึงแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยว จีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และหลายเมืองในเอเชียก็ได้ประโยชน์มหาศาลจากกรุ๊ปทัวร์จีนเหล่านี้” ดร.ยูวา เฮดริก-หว่อง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากมาสเตอร์การ์ด ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
“สิ่งที่น่ากังวลก็คือ เมืองท่องเที่ยวเหล่านี้กำลังพึ่งพากรุ๊ปทัวร์จีนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ควรเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องมีความหลากหลาย”
หว่อง ชี้ว่า การท่องเที่ยวทำรายได้มหาศาลให้แก่หลายประเทศ เช่น ไทย และสิงคโปร์ ในภาวะที่เศรษฐกิจยังคงอ่อนแรง ทว่าเมืองที่สามารถดึงดูดนักเดินทางได้หลายกลุ่มจะมีความ “ยืดหยุ่น” มากกว่า ดังนั้น เมืองที่ยังมีฐานนักท่องเที่ยวแคบจึงจำเป็นต้องคิดค้นยุทธศาสตร์เพื่อดึงดูดกลุ่มนักเดินทางที่หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ
อิสตันบูลซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 6 ของโลกในปีที่แล้วถือเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวหลากหลายที่สุด โดยครึ่งหนึ่งมาจาก 33 เมืองทั่วโลก ส่วนอันดับ 2 ได้แก่กรุงลอนดอน ขณะที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ในเอเชียมีความหลากหลายของนักท่องเที่ยวเป็นลำดับที่ 7