เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯลงนามร่างกฎหมายฉบับระวัติศาสตร์เมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.) ซึ่งผ่านโดยสภาคองเกรสเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า มีผลทำให้การรวบรวมข้อมูลทางโทรศัพท์อย่างกว้างขวางของรัฐบาลต้องยุติลง
กฎหมาย USA Freedom Act ฉบับนี้ ซึ่งพลิกโฉมนโยบายของอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญด้วยการยับยั้งโครงการสอดแนมอันเป็นที่โต้เถียงมากที่สุดของประเทศนี้นับตั้งแต่เหตุการณ์ 9/11 จะยุติระบบที่ถูกเปิดโปงโดย เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านข่าวกรองที่รวมรวบและค้นหาบันทึกการติดต่อทางโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฟังเนื้อหาของบันทึกเหล่านั้น
การผ่านกฎหมายฉบับนี้เป็นผลลัพธ์ของการร่วมมือกันระหว่างวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตและวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหัวอนุรักษ์นิยมสุดขอบบางคน และเป็นชัยชนะของ โอบามา, พรรคเดโมแครต แต่เป็นความล้มเหลวสำหรับ มิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของรีพับลิกันในวุฒิสภา
หลังจากที่วุฒิสภาโหวตผ่านด้วยคะแนนเสียง 66-32 เมื่อวานนี้ (2) เพื่อให้ความเห็นชอบของรัฐสภาเป็นครั้งสุดท้ายต่อร่างกฎหมายนี้ โอบามาได้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ @POTUS ของเขา เพื่อกล่าวว่าเขามีความยินดีที่จะผ่านกฎหมายนี้ โดยระบุว่า “ผมจะลงนามทันทีที่ผมได้รับมัน”
ร่างกฎหมายฉบับนี้ยุติความสามารถของ NSA ในการรวมรวมและเก็บรายละเอียดของข้อมูล (metadata) เช่น หมายเลขโทรศัพท์, วันและเวลาการโทร จากชาวอเมริกันที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังโยกย้ายความรับผิดชอบในการกักเก็บข้อมูลดังกล่าวไปยังบริษัทโทรศัพท์ต่างๆ ซึ่งทำให้ทางการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ หากไม่มีมีหมายศาลจากศาลต่อต้านก่อการร้ายที่ระบุตัวบุคคลหรือกลุ่มคนที่ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายอย่างเจาะจง
กฎหมาย USA Freedom Act เป็นการปฏิรูปทางกฎหมายขนานใหญ่ครั้งแรกของการสอดแนมของสหรัฐฯ นับตั้งแต่การเปิดโปงของสโนว์เดน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เกิดการโต้เถียงกันเกี่ยวกับวิธีการจัดสมดุลระหว่างความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลกับความเกรงกลัวการโจมตีก่อการร้ายของชาวอเมริกัน
ทั้งนี้ โครงการบันทึกการติดต่อทางโทรศัพท์และโครงการสอดแนมภายในประเทศอีก 2 โครงการที่ได้รับการอนุญาตภายใต้กฎหมาย USA Patriot Act ปี 2011 ได้ถูกปิดตัวลงนับตั้งแต่วันอาทิตย์ (31) เป็นต้นมา