รอยเตอร์ - “วลาดิมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย ลงนามในร่างแก้ไขคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดี (28 พ.ค.) กำหนดให้การเสียชีวิตของทหารแดนหมีข่าวระหว่างปฏิบัติการพิเศษในช่วงเวลาสันติเป็น “ความลับชาติ” ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นในขณะที่มอสโกถูกแฉว่าส่งกำลังพลเข้าสู่ไปสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครน
ปูตินซึ่งปฏิเสธมาตลอดถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างทหารรัสเซียกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนยูเครนที่ฝักใฝ่มอสโก ได้แก้ไขคำสั่งประธานาธิบดีเดิมที่เคยกำหนดให้การเสียชีวิตของนายทหารเป็นความลับชาติเฉพาะช่วงเวลาแห่งสงครามเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อถูกขอให้ชี้แจงถึงมูลเหตุที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวของปูตินครั้งนี้ ทางโฆษกประธานาธิบดีรัสเซียปปฏิเสธแสดงความคิดเห็น
บทบาทของรัสเซียในสถานการณ์ความยุ่งเหยิงทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,100 รายในเหตุสู้รบที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 ปี เป็นหนึ่งในประเด็นถกเถียงกันมากที่สุด ในความขัดแย้งที่ฉุดความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับตะวันตกเข้าสู่ความอลหม่าน
นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านรัสเซียเผยแพร่รายงานช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาว่า มีทหารแดนหมีขาวอย่างน้อย 220 คนเสียชีวิตในเหตุสู้รบในจุดล่อแหลม 2 แห่งทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อฤดูร้อนปีก่อนและช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ต่อมานายบอริส เนมต์ซอฟ แกนนำฝ่ายค้านซึ่งเป็นผู้ริเริ่มทำรายงานดังกล่าว ถูกยิงเสียชีวิตกลางกรุงมอสโกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่อิลยา ยาชิน คนสนิทของเขาและเป็นคนช่วยจัดทำรายงานจนเสร็จสมบูรณ์ บอกกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่ามันแสดงให้เห็นว่าสงครามยูเครน กำลังสร้างความระคายเคืองแก่ปูติน “มันจะถูกมองว่าเป็นคำขู่ส่งถึงนักเคลื่อนไหว นักการเมืองและผู้สื่อข่าวที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เซอร์เก คริเวนตอฟ ประธานกลุ่มสิทธิทหารและดำรงตำแหน่งในสภาที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชนของเครมลินบอกว่าคำสั่งประธานาธิบดีอยู่ในขอบเขตตรรกะของสถานการณ์ปัจจุบันในรัสเซีย “ถ้าเจ้าหน้าที่พูดอย่างเป็นทางการว่าไม่มีทหารรัสเซียในยูเครน เมื่อนั้นก็ไม่ควรมีรายงานการสูญเสีย”
ในขณะที่คำสั่งนี้อ้างถึงข้อมูลต่างๆที่ถือครองโดยกระทรวงกลาโหม แต่คริเวนตอฟเห็นพ้องกับยาชินว่ามันอาจถูกนำไปใช้กดดันเหล่านักเคลื่อนไหว นักการเมืองและผู้สื่อข่าวที่กำลังสืบสวนประเด็นนี้ โดยอ้างถึงกรณีของสเวตลานา ดาวีโดวา ชาวรัสเซียที่ถุูกดำเนินคดีในข้อหาทรยศชาติ หลังโทรศัพท์ถึงสถานทูตยูเครน บอกว่าเธอได้ยินการสนทนาของทหารนายหนึ่งโดยบังเอิญ ว่ามีกองทหารจากฐานทัพที่อยู่ใกล้ๆกันกำลังถูกส่งเข้าไปยังยูเครน
รัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อปีก่อน หลังจากส่งทหารในชุดเครื่องแบบไร้สังกัดเข้าประจำการในแหลมแห่งนี้ เบื้องต้นมอสโกปฏิเสธว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่ทหารรัสเซีย อย่างไรก็ตามราว 1 เดือนหลังจากลงนามในกฎหมายรับรองการผนวกไครเมียอย่างเป็นทางการ ปูติน ยอมรับอย่างเปิดเผยว่าคนเหล่านั้นเป็นทหารของเครมลิน
ข้อตกลงหยุดยิงอันเปราะบางมีผลบังคับใช้ทางภาคตะวันออกของยูเครนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่ทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันและกันว่าละเมิดข้อตกลง โดยเคียฟ กลัวว่ารัสเซียอาจส่งทหารเข้ามาช่วยกบฏขยายอาณาเขตยึดครองเข้าไปในดินแดนยูเครนมากขึ้น ขณะที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า พบเห็นทหารรัสเซียจำนวนมากในชุดเครื่องแบบไร้สังกัดและอาวุธยุทโธปกรณ์นับร้อยประจำการอยู่ตามแนวชายแดนติดกับยูเครน