รอยเตอร์ –เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่มัสยิดนิกายชีอะห์แห่งหนึ่งในภาคตะวันออกของซาอุดีอาระเบียระหว่างการสวดมนต์ในวันนี้ (22) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 20 คน และบาดเจ็บกว่า 50 ราย ชาวบ้านท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ระบุ
ในตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดหรือกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พุ่งเป้าชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ในซาอุดีอาระเบียนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่กลุ่มมือปืนสังหารคนอย่างน้อย 8 คนในการโจมตีงานเฉลิมฉลองครอบทางศาสนาของนิกายชีอะห์ และยังเป็นครั้งแรกที่เกิดในภาคตะวันออกซึ่งชนกลุ่มน้อยนิกายชีอะห์ส่วนใหญ่ของประเทศนี้อาศัยอยู่
การโจมตีครั้งครั้งนี้อาจยิ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างชาวสุหนี่และชาวชีอะห์ในภูมิภาคอ่าวอาระเบีย ซึ่งความตึงเครียดได้พุ่งสูงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ของปฏิบัติการทางทหารในเยเมนที่ซาอุดิอาระเบียนำกลุ่มพันธมิตรปราบปราบนักรบกลุ่มฮูตี ซึ่งถูกมอง
ว่าเป็นตัวแทนของมหาอำนาจฝ่ายชีอะห์ในภูมิภาคนี้อย่างอิหร่าน
พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งได้บรรยายถึงการระเบิดครั้งใหญ่ที่มัสยิดอิหม่ามอาลีในหมู่บ้านอัล-กอดีห์ซึ่งคนกว่า 150 คนกำลังสวดมนต์อยู่
“ตอนที่เราได้ยินเสียงระเบิดดังกล่าว เรากำลังประกอบพิธีช่วงแรกของการสวดมนต์” คามัล จาฟาร์ ฮัสซัน ผู้ร่วมสวดมนต์บอกกับรอยเตอร์ผ่านทางโทรศัพท์จากที่เกิดเหตุ
โฆษกของกระทรวงมหาดไทยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการก่อการร้าย ระบุว่า มือระเบิดจุดชนวนระเบิดติดเข็มขัดที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อของเขาภายในมัสยิดแห่งนี้ เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
“หน่วยงานความมั่นคงจะไม่ลดละความพยายามในการตามล่าคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายครั้งนี้” เจ้าหน้าที่กล่าวในถ้อยแถลง ซึ่งรายงานโดยสำนักข่าว SPA ของทางการ
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า มีคนถูกสังหาร “ราว 20 คน” ในการโจมตีครั้งนี้และกว่า 50 คนกำลังรับการรักษาที่โรงพยาบาล พวกเขาบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากล่าวว่า มีคนที่ได้รับการรักษาและถูกส่งกลับบ้านแล้วจำนวนหนึ่ง