เอเอฟพี – ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตรองเท้าในกรุงมะนิลาเพิ่มเป็นอย่างน้อย 72 รายวันนี้ (14 พ.ค.) ขณะที่พนักงานและญาติเหยื่อเปิดใจแฉสภาพ “โรงงานนรก” ที่จ่ายค่าจ้างต่ำกว่ามาตรฐาน และไร้แผนป้องกันอัคคีภัย
พนักงานดับเพลิงและตำรวจเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตหลายสิบคนออกมาจากซากอาคาร 2 ชั้นซึ่งถูกเพลิงโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงเมื่อวานนี้ (14) โดยโรงงานดังกล่าวมีประตูทางออกเพียงไม่กี่จุด และไม่เคยจัดให้คนงานฝึกซ้อมหนีไฟมาก่อน
“ร่างผู้เสียชีวิตที่พบส่วนใหญ่ถูกไฟเผาจนเหลือแต่หัวกะโหลกและโครงกระดูก” ลีโอนาร์โด เอสปินา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ แถลงต่อสื่อมวลชนท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด ขณะที่ทางการท้องถิ่นยืนยันว่า พบร่างผู้ตายแล้วทั้งสิ้น 72 คน
“เราจะเอาผิดบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการตายครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือไม่ก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด แต่จะต้องมีการตั้งข้อหาผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน”
ในเบื้องต้นเชื่อว่า ต้นเพลิงเกิดจากอุปกรณ์เชื่อมเหล็กที่ใช้ซ่อมประตูก่อให้เกิดประกายไฟลามไปติดถังสารเคมี ซึ่งเก็บไว้ในบริเวณใกล้ๆ กัน
เร็กซ์ กัตชาเลียน นายกเทศมนตรีเมืองวาเลนซูเอลา ระบุว่า จนถึงช่วงบ่ายวันนี้ (14) มีศพถูกลำเลียงออกมาจากซากอาคารแล้วทั้งสิ้น 72 ร่าง และคงใกล้สรุปยอดผู้เสียชีวิตได้แล้ว เพราะตรงกับจำนวนคนงานที่สูญหาย
คนงานที่รอดชีวิตและญาติเหยื่อเล่าว่า โรงงานแห่งนี้ผลิตรองเท้าแตะราคาถูกเพื่อจำหน่ายในประเทศ พนักงานได้รับค่าจ้างต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด และยังต้องทนกับกลิ่นสารเคมีโดยไม่เคยตระหนักถึงความเสี่ยงอัคคีภัย
ลีซานโดร เมนโดซา พนักงานวัย 23 ปีซึ่งหนีออกมาทางประตูหลังได้ทัน เล่าว่า ทางโรงงานไม่เคยให้ความรู้เรื่องการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ และไม่เคยซ้อมหนีไฟตลอด 5 เดือนที่เขาเข้ามาทำงาน
“ตอนเกิดเหตุผมนั่งทานข้าวกลางวันอยู่ พอเห็นควันลอยมาจากด้านหน้า ผมก็วิ่ง... วิ่งอย่างเดียวเลย”
เขาบอกว่า ต้องทำงานผสมสารเคมีวันละ 12 ชั่วโมงตลอด 7 วัน โดยได้ค่าจ้างเพียง 3,500 เปโซ (ราว 2,600 บาท)
เพลิงไหม้ชุมชนแออัดมักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในฟิลิปปินส์ แต่ครั้งรุนแรงล่าสุดคือเหตุการณ์ไฟไหม้ดิสโก้เธคในกรุงมะนิลาเมื่อปี 1996 ซึ่งมีคนถูกไฟคลอกเสียชีวิตถึง 162 คน
