เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ออกคำสั่งเมื่อวันพุธ (13 พ.ค.) เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน หลังเศรษฐกิจกรีซช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ประสบภาวะ “หดตัว 0.2%” ถือเป็นการหดตัวของจีดีพีสองไตรมาสติดต่อกันและผลักกรีซก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเต็มตัวอีกคำรบ หลังจากเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว กรีซก็เพิ่งประสบภาวะเศรษฐกิจหดตัวที่ 0.4%
รายงานข่าวระบุว่า นี่ถือเป็นการจัดประชุม ครม.ฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 วันของรัฐบาลฝ่ายซ้าย ภายใต้การนำของซีปราส อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในกรุงเอเธนส์เผยว่า แม้จะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่ แต่รัฐบาลกรีซยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าขึ้นค่าจ้างและเพิ่มเงินบำนาญให้กับกลุ่มชนชั้นล่างต่อไป
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางคำถามว่ารัฐบาลของซีปราสจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ในการจัดทำงบประมาณแบบ “เกินดุล” ที่ระดับ 1.2-1.5% ของจีดีพีในปีนี้ ตามเงื่อนไขของ “เจ้าหนี้ 3 ฝ่าย” ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อแลกกับการปลดล็อกเงินช่วยเหลือรอบใหม่และการคงอยู่ใน “ยูโรโซน” ต่อไป
ก่อนหน้านี้ ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังกรีซ เพิ่งออกโรงเตือนเรื่องฐานะ “สภาพคล่องของประเทศ” หลังร่วมหารือกับ “ยูโรกรุ๊ป” หรือที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน ณ กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมเมื่อวันจันทร์ (11) ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเงินกู้ที่พวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศจะปล่อยให้เอเธนส์เป็นจำนวนอีก 7,200 ล้านยูโร อันเป็นงวดสุดท้ายของยอดเงินกู้ทั้งก้อนที่ให้แก่กรีซ 240,000 ล้านยูโร
ทั้งนี้ รัฐบาลเอเธนส์มีเวลาจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้นในการบรรลุข้อตกลงกับพวกเจ้าหนี้ทรอยก้า ขณะที่เงินคงคลังของประเทศร่อยหรอลงทุกขณะ อีกทั้งยังใกล้ครบกำหนดการชำระหนี้อีก 1,500 ล้านยูโรให้แก่ไอเอ็มเอฟในเดือนหน้า และอีก 3,000 ล้านยูโรให้แก่อีซีบี ในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม
