รอยเตอร์ - ไลบีเรียถูกประกาศให้เป็น “ประเทศปลอดเชื้ออีโบลา” อย่างเป็นทางการในวันนี้ (9 พ.ค.) หลังไม่พบผู้ป่วยใหม่ต่อเนื่องเป็นเวลา 42 วัน ขณะที่องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontiers - MSF) ยังเตือนให้ประชาชาเฝ้าระวังต่อไป จนกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกินีและเซียร์ราลีโอนและยุติลง
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ได้คร่าชีวิตพลเมืองไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอนไปถึง 11,005 คน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2013 โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อในไลบีเรีย วิกฤตการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก และทำให้สหรัฐฯ ต้องส่งทหารหลายร้อยนายเข้าไปช่วยสร้างสถานพยาบาลรองรับผู้ป่วย
ประธานาธิบดีแอลเลน เซอร์ลีฟ จอห์นสัน แห่งไลบีเรีย ได้รณรงค์เสริมสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนเพื่อสกัดการแพร่กระจายของโรค ซึ่งเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับร่างกายผู้ป่วย
เอ็มเอสเอฟ ชี้ว่า สถานการณ์ในไลบีเรียจัดว่าผ่านเกณฑ์สิ้นสุดการระบาดตามที่ WHO ระบุไว้ คือไม่พบผู้ป่วยใหม่ต่อเนื่องถึง 42 วัน หรือเป็นสองเท่าของระยะฟักตัว 21 วันของไวรัสชนิดนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ควรวางใจ
“เรายังประมาทไม่ได้ จนกว่าทั้ง 3 ประเทศจะไม่พบผู้ป่วยใหม่เลยเป็นเวลา 42 วันเช่นกัน”มาเรียเทเรซา คัชชิอาปูโอติ หัวหน้าทีมแพทย์เอ็มเอสเอฟที่ปฏิบัติภารกิจในไลบีเรีย ระบุ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการตรวจตราคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้นำเชื้อเข้ามาแพร่อีก
เดวิด นาบาร์โร ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยกรณีการระบาดของเชื้ออีโบลา แถลงในสัปดาห์นี้ว่า ทางการไลบีเรียรับปากจะคุมเข้มด้านสาธารณสุขต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี หลังจากที่ประกาศปลอดอีโบลาอย่างเป็นทางการในวันนี้ (9)
เขายังเตือนด้วยว่า แม้สัปดาห์ที่แล้วจะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 20 คนในกินีและเซียร์ราลีโอน แต่อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่ายอดผู้ติดเชื้อใหม่จะเป็นศูนย์