เอเอฟพี - ซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) ยื่นข้อเสนอหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมเป็นเวลา 5 วันในเยเมน ตามหลังการถล่มทางอากาศและเหตุปะทะต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ โดยนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องพวกกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านตอบรับข้อเสนอนี้
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ล้มเหลวในความพยายามสกัดการรุกคืบของกบฏฮูตีในเยเมน และมีความกังวลใหญ่หลวงต่อกรณีที่มีพลเรือนเสียชีวิตในความขัดแย้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
อเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย แถลงข้อเสนอหยุดยิงชั่วคราว หลังเจรจากับนายเคร์รีที่กรุงริยาด ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่ามันคือโอกาสสำคัญที่จะบรรเทาวิกฤตด้านมนุษยธรรม
นายจูเบอีร์เผยว่า ตนเองได้แจ้งกับนายเคร์รีถึงแนวคิดหยุดยิง 5 วันในเยเมน เพื่อประสานงานกับองค์กรนานาชาติต่างๆ สำหรับส่งมอบความช่วยเหลือไปยังเยเมน หากพวกฮูตีและพันธมิตรยึดมั่นในข้อเสนอนี้และไม่กระทำการก้าวร้าวใดๆในเยเมน
“วันเวลาของการหยุดยิงจะมีการกำหนดเร็วๆ นี้” เขาบอกกับผูสื่อข่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายเคร์รี ที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ซัลมานและพบปะหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย
“เงื่อนไขของการหยุดยิงนี้อยู่ที่พวกฮูตี” นายเคร์รีกล่าว พร้อมร้องขอฝ่ายกบฏและผู้ที่ให้การหนุนหลัง ใช้อิทธิพลทุกอย่างที่มีคว้าโอกาสสำคัญนี้ไว้เพื่อใส่ใจกับความจำเป็นต่างๆของประชาชนชาวเยเมนและหาทางมุ่งหน้าสู่สันติภาพ และชี้แจงว่าระหว่างการหารือครั้งนี้ ไม่ได้มีการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารราบเข้าไปยังเยเมน
พันธมิตรนานาชาติปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและทิ้งอาวุธเพื่อสนับสนุนพวกนักรบที่ภักดีต่อประธานาธิบดีอับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี หลังพวกกบฏรุกคืนประชิดเมืองเอเดน ฐานที่มั่นของเขาทางภาคใต้ของประเทศ และตอนนี้สองฝ่ายก็ยังคงสู้รบกันอย่างดุเดือด
กบฏฮูตีและพวกทหารเก่าที่ยังภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ได้เข้าปิดล้อมเมืองเอเดนมาหลายสัปดาห์ โดยหวังที่จะบดขยี้ฐานที่มั่นสุดท้ายที่ประธานาธิบดีฮาดี เคยใช้เป็นที่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ก่อนจะหลบหนีออกไปพึ่งใบบุญซาอุดีอาระเบีย
หลังเดินทางมาถึงกรุงริยาดในวันพุธ (6 พ.ค.) นายเคร์รี ได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ จากนั้นในวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) เขายังได้หารือกับนายฮาดี ที่เวลานี้พำนักอยู่ในเมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย “สหรัฐฯ มีความกังวลใหญ่หลวงต่อสถานการณ์ทางภาคพื้นในเยเมน และเราสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความพยายามอำนวยความสะดวกแก่การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม” นายเคร์รีกล่าว
จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแห่งนี้แล้วอย่างน้อย 1,200 คนนับตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมเป็นต้นมา และมากกว่าครึ่งเป็นพลเรือน โดยในวันพุธ (6 พ.ค.) ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 38 รายขณะกำลังพยายามหลบหนีทางทะเลออกจากเมืองเอเดน
ขณะที่ยอดพลเรือนเสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและเหตุสู้รบกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การส่งมอบความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิง อาหารและเวชภัณฑ์ยาในเยเมนก็เกือบง่อยเปลี้ยโดยสิ้นเชิง โดยองค์กรสิทธิมนุษยชน 22 แห่งเตือนว่าอาจจำเป็นต้องยุติปฏิบัติการช่วยเหลือฉุกเฉิน เนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิง พร้อมเรียกร้องให้เปิดเส้นทางต่างๆ เช่นเดียวกับยุติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรและปิดกั้นทางทะเล
ในส่วนของฟากฝั่งซาอุดีอาระเบีย ถูกโจมตีเข้ามาเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) โดยสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐอ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมบอกว่ามีกระสุนปืนใหญ่หลายลูกตกลงพื้นที่ซึ่งไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในเขตนาจราน ที่อยู่ตามแนวชายแดน หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ มีกระสุนปืนใหญ่หลายลูกถูกยิงออกมายังเยเมนและตกที่เมืองแห่งนี้ คร่าชีวิตพลเรือน 4 รายและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเรือนจำ 1 คน
ก่อนหน้านั้นในวันอังคาร (5 พ.ค.) พวกกบฏฮูตีเปิดฉากยิงปืนครกและโจมตีด้วยจรวดต่อเมืองของซาอุดีอาระเบียเป็นครั้งแรกระหว่างสงคราม ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 3 คน