รอยเตอร์ - หน่วยงานบรรเทาทุกข์ 22 แห่งที่ปฏิบัติงานในเยเมนออกมาเตือนว่า การช่วยเหลือของพวกเขาอาจยุติลงหากไม่มีการเปิดเส้นทางทางบก, ทะเล และอากาศเพื่อให้สามารถนำเข้าเชื้อเพลิงเข้าสู่ประเทศนี้ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรอาหรับเดินหน้าถล่มโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม
ความขัดแย้งดังกล่าวได้เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าต่างๆ ในประเทศยากจนแห่งนี้ ซึ่งประชาชนราว 20 ล้านคนหรือ 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ตอนนี้ถูกประเมินว่ากำลังเข้าสู่ภาวะหิวโหย หรือ “ภาวะความไม่มั่นคงทางอาหาร” ในศัพท์ด้านการบรรเทาทุกข์ ทั้งนี้อ้างจากถ้อยแถลงขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และการประชุมเอ็นจีโอนานาชาติว่าด้วยเยเมน (Yemen International NGO Forum)
ภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิงทำให้โรงพยาบาลและการจัดส่งอาหารเป็นอัมพาตในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และโครงการอาหารโลก (WFP) ระบุว่า ความต้องการเชื้อเพลิงต่อเดือนของพวกเขาได้เพิ่มพรวดขึ้นจาก 40,000 ลิตรเป็น 1 ล้านลิตร ต่อเดือน
“หลายล้านชีวิตอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะเด็กๆ และในเร็วๆ นี้เราจะไม่สามารถตอบสนองได้” เอ็ดเวิร์ด ซานติเอโก ผู้อำนวยการกลุ่มเซฟ เดอะ ชิลเดรน ประจำประเทศนี้ กล่าวในถ้อยแถลง
ถ้อยแถลงดังกล่าวยังระบุด้วยว่า คำประกาศของกลุ่มพันธมิตรอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบียซึ่งกำลังดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มฮูตีในเยเมน เกี่ยวกับการหยุดยิงที่อาจมีขึ้นในบางพื้นที่เพื่อทำให้สามารถจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรมได้นั้นยังไม่เพียงพอ
“การประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่าอาจมีการหยุดพักปฏิบัติการทางทหารเพื่อมนุษยธรรมจะไม่ทำให้ผลกระทบด้านมนุษยธรรมของความขัดแย้งนี้ในปัจจุบันลดน้อยลง” ถ้อยแถลง ระบุ และเรียกร้องให้มียุติการเป็นศัตรูกันอย่างถาวร
ยูเอ็น ระบุเมื่อวานนี้ (5) ว่า ความขัดแย้งดังกล่าวได้คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วอย่างน้อย 646 รายนับตั้งแต่การโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 131 ราย และระบุว่า มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 1,364 คน
กลุ่มนักรบฮูตีได้เข้าควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่หลายแห่งของเยเมน กลุ่มพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วยรัฐอาหรับ 9 ชาติที่ได้รับการสนับสนุนด้านลอจิสติกจากสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และอังกฤษ กำลังหาทางคืนอำนาจให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดี อาเบดรับบู มันซูร์ ฮาดี ที่ตอนนี้ลี้ภัยอยู่ในกรุงริยาดห์