รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาชีร์ แห่งซูดานรั้งเก้าที่เขาครองมานานกว่า 25 ปีได้อีกสมัยด้วยการกวาดคะแนนเสียงได้อย่างถล่มถลายถึง 94.5 เปอร์เซ็นต์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี หน่วยงานจัดการเลือกตั้งประกาศในวันนี้ (27)
ชายวัย 71 ปีรายนี้ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังเตรียมที่จะเพิ่มอำนาจของตนในการควบคุมประเทศนี้ กำลังเผชิญอยู่กับฝ่ายค้านที่แตกแยกเป็นสองฝั่งและอ่อนกำลังลง เกือบทั้งหมดได้คว่ำบาตรการเลือกตั้งดังกล่าวที่จัดขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้
บาชีร์ บอกกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งระหว่างการหาเสียงว่า เขาเท่านั้นที่สามารถนำทางซูดานออกห่างจากความโกลาหลที่กำลังปกคลุมชาติอาหรับหลายชาติ เขากล่าวว่าเป็นความทะเยอทะยานโหยหาประชาธิปไตยที่เบ่งบานในการลุกฮือ “อาหรับสปริง” เมื่อปี 2011 และมีความสำคัญเหนือกว่าเสถียรภาพ แต่ซูดานนั้นไม่ได้ปลอดจากการท้าทาย
ซูดานเผชิญกับการก่อกบฏในแคว้นดาฟูร์มาตั้งแต่ปี 2003 และการก่อกบฏในรัฐบลูไนล์และคอร์โดฟานใต้ที่เกี่ยวโยงแต่แยกส่วนกันนับตั้งแต่การแยกตัวของซูดานใต้ในปี 2011
ตัวบาร์ชีเองกำลังเผชิญกับหมายจับกุมที่ออกโดยศาลอาญาระหว่างประเทศจากข้อกล่าวหาว่า เขาบงการการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนอื่นๆ ในปฏิบัติการปราบกบฏดาฟูร์ของเขา เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และไม่ยอมต่อสู้ในชั้นศาล
บรรดานักวิจารณ์ที่ต่อต้านบาชีร์ ตำหนิเขาเรื่องการปราบปราบสื่อ, กลุ่มประชาสังคม และฝ่ายค้าน และปฏิเสธข้ออ้างของเขาที่ว่าซูดานจะกลายเป็นสวรรค์สำหรับพวกหัวรุนแรงหากอยู่ภายใต้ประธานาธิบดีคนอื่น
นอกจากเรื่องความมั่นคงแล้ว บาชีร์ ยังได้หาเสียงเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ อย่างเช่น การพัฒนาการเข้าถึงน้ำและที่ดินเพาะปลูก ซึ่งส่งผลกระทบมากที่สุดต่อประชากรที่มีฐานะยากจน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งประชากร 37 ล้านคนของซูดาน
เศรษฐกิจของประเทศนี้ฟื้นตัวบ้างแล้วนับตั้งแต่ที่ตกดิ่งเหวภายหลังการแยกตัวของซูดานใต้ เนื่องด้วยราคาน้ำมันที่ต่ำลงและพืชผลที่อุดมสมบูรณ์ แต่อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อยังสูงอยู่
