ภายใต้กฎหมายของอิหร่านที่ยึดหลักชารีอะห์ซึ่งมีการบังคับใช้หลังจากการปฏิวัติอิสลามปี 1979 การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสระวางโทษเฆี่ยน ในกรณีของการคบชู้อาจมีโทษประหารชีวิตด้วยการปาหิน
เมื่อปีที่แล้ว นิตยสารรายเดือน ซานัน-อี เอ็มรูซ (ผู้หญิงในวันนี้) ได้ตีพิมพ์ฉบับพิเศษที่พูดคุยถึงหลากหลายแง่มุมของ “การสมรสสีขาว” และเหตุผลเบื้องหลังสิ่งที่พวกเขาระบุว่าเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นของคู่รักชาวอิหร่านที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงาน
“หน่วยงานเฝ้าระวังด้านสื่อได้ห้ามในวันนี้ (27) ไม่ให้นิตยสารรายเดือน ซานัน-อี เอ็มรูซ ส่งเสริมและหาความชอบธรรมให้กับ ‘การสมรสสีขาว” ชาร์กรายงาน
เมื่อปีที่แล้วสำนักงานของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่จัดการกับปัญหาการอยู่กินด้วยกันโดยไม่แต่งงานในอิหร่าน พวกผู้ปกครองทางศาสนาสายเหยี่ยววิพากษ์วิจารณ์การกระทำดังกล่าวว่าเป็น “การสมรสอัปมงคล” ที่เหยียดหยามคุณค่าของศาสนาอิสลามอย่างน่าอัปยศอดสู
เจ้าหน้าที่กระทรวงกิจการเยาวชนและกีฬาของอิหร่านกล่าวโทษนิตยสารเจ้านี้ว่าเติมเชื้อไฟให้สังคมสนใจใน “การสมรสสีขาว” มากขึ้น
กฎหมายอิหร่านทำให้ผู้หญิงมีโอกาสหย่าร้างยากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจอยู่เบื้องหลังกระแสการกินอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงานนี้ เจ้าหน้าที่ปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติกับผู้หญิง โดยระบุว่ามันเป็นเพียงแค่การใช้กฎหมายชารีอะห์เท่านั้น
ตามข้อมูลของสื่ออิหร่าน ราว 20 เปอร์เซ็นต์ของการแต่งงานในอิหร่านจบลงด้วยการหย่าร้าง สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ